
แม้เมื่อวันที่ 21 พ.ย.จะไม่มี วีไอพี ไปเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เหมือนที่ ไพศาล พืชมงคล อดีตผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรีทำนายเอาไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าในวันดังกล่าวจะไม่เห็นสัญญาณอะไรเลย
โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของ 2 ป. บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น "ปรากฏการณ์ทางการเมือง" ที่สำคัญในช่วงนี้
ช่วงบ่าย "บิ๊กตู่" ว.5 ดอดลงพื้นที่สนามกีฬาเคหะคลองจั่น บางกะปิ กทม. ที่ไม่มีทั้งหมายงานและไม่ได้มีการแจ้งสื่อมวลชน
การลงพื้นที่ของนายกฯ คงเป็นเรื่องปกติ หากแต่พื้นที่บางกะปิเป็นของ ส.ส.โอ๋ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ 1 ใน 3 ส.ส.หญิงของ กทม. จากพรรคพลังประชารัฐ ที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายตาม "บิ๊กตู่" ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ
แม้จะไม่ได้มีการสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างที่มีการคาดการณ์กัน แต่การไปปรากฏตัวในพื้นที่ดังกล่าวมันทำให้อะไรหลายๆ อย่างชัดเจนมากขึ้น
ขณะที่วันเดียวกัน "บิ๊กป้อม" ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร จังหวัดที่การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งก่อน พรรคพลังประชารัฐเหมายกจังหวัด 4 ที่นั่ง
ไฮไลต์สำคัญไม่ได้อยู่ที่เพียง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย แห่กันไปรอต้อนรับ แต่ที่อยู่ประโยคของ "ไผ่ ลิกค์" ส.ส.กำแพงเพชร เขต 1 พรรคเศรษฐกิจไทย มือขวาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ที่พูดต่อหน้า "บิ๊กป้อม" และ ส.ส.ว่าจะกลับมาอยู่พรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม เพื่อช่วย "บิ๊กป้อม" ให้ถึงฝั่งฝัน
การที่มุ้งของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่กั๊ก ประกาศรีเทิร์นรังเก่า มันพอมองได้เหมือนกันว่า ไม่มีเสืออีกตัวอยู่ในถ้ำพลังประชารัฐให้ ร.อ.ธรรมนัสต้องตะขิดตะขวงใจที่จะอยู่ร่วมกันแล้ว
มันเป็นวันที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนที่สุดว่า พี่ไปทาง-น้องไปทาง เหมือนกับข่าวลือก่อนหน้านี้
เพียงแต่ไป คนละทาง แบบไหน คนละทางแบบ เจอกันที่จุดนัดพบ ดังที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นยุทธศาสตร์แยกกันตี หรือคนละทางแบบอาณาจักรใครอาณาจักรมันไปเลย
ขณะเดียวกัน ความชัดเจนที่มันเพิ่มขึ้น มันยังช่วยให้นักการเมืองมุ้งต่างๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า วันนี้จะเลือกอยู่อาณาจักรไหนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
โดยเฉพาะหลายคนในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นโจทก์เก่าของ ร.อ.ธรรมนัส อาจตัดสินใจย้ายตาม "บิ๊กตู่" เพราะไม่สามารถอยู่ถ้ำเดียวกับผู้กองคนดังได้ หลังชัดเจนว่าคัมแบ็ก
ซึ่งโจทก์เก่าของ ร.อ.ธรรมนัส นอกจาก "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ ผอ.พรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังมีในรายของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค ตลอดจนกลุ่มสามมิตรด้วย
เช่นเดียวกับบางคนที่เคยตกเป็นข่าวจะออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะไม่ต้องการร่วมงานกับ "เสี่ยเฮ้ง" ทั้งกลุ่มปากน้ำของ "เอ๋" ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม บ้านใหญ่ชลบุรีของ "เสี่ยแป๊ะ" สนธยา คุณปลื้ม ก็อาจจะเปลี่ยนใจอยู่กับ "บิ๊กป้อม" ต่อ
เรียกว่า มีทางให้ไปสำหรับคนที่คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก!
อย่างไรก็ดี ตอนนี้อวัจนภาษาของ "บิ๊กตู่" มันชัดโดยแทบไม่ต้องพูดอะไรว่าจะไม่เป็นสินค้าให้กับพรรคพลังประชารัฐเอาไปเร่ขายในสนามเลือกตั้งอีกแล้ว ตรงกันข้ามกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยินยอมให้นำเอาไปโปรโมตได้เต็มที่
แม้ถึงตอนนี้จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่ทำอย่างไรก็ได้ให้รู้ว่าพรรคนี้ พรรคลุงตู่ เพื่อเพิ่มแรงดึงดูด "นักการเมือง" ให้แห่กันมาอยู่ ดังจะเห็นว่าหลังมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าพรรคนี้ไม่ได้แหกตาแน่ บรรดานักการเมืองหลายคนได้ตัดสินใจย้ายสังกัดมาอยู่ด้วย
ขณะที่ "บิ๊กตู่" คงเดินแบบที่เดินอยู่ และไม่น่ามาเป็นสมาชิกพรรคในเร็ววัน อย่างที่รู้กันว่า "บิ๊กตู่" ต้องการอยู่เหนือนักการเมือง ไม่ได้ต้องการมัดตัวเองว่าเป็นหัวหน้าแก๊งใดแก๊งหนึ่ง ที่จะทำให้ความยำเกรงของตัวเองลดลง
รูปแบบจะคล้ายกับครั้งก่อนคือ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่จะยอมให้นั่งร้านแห่งใหม่เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
และการลงพื้นที่ของ "บิ๊กตู่" หลังจากนี้จะคล้ายกับตอนปลายรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือทุกจุดมีนัยทางการเมืองเสมอ
โดยในยุคปลาย คสช. "บิ๊กตู่" แทบจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในลาดตระเวนจังหวัดที่พรรคพลังประชารัฐไปดูดนักการเมืองเข้ามาในสังกัด ทางหนึ่งคือเปิดตัว ทางหนึ่งคือเข้าไปเจรจา
โดยเมื่อวันที่ 21 พ.ย. "บิ๊กตู่" เลือกไปบางกะปิ ที่มีข่าวว่า ส.ส.จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่วันที่ 23 พ.ย. มีโปรแกรมไป จ.เพชรบูรณ์ ถิ่นของ "สันติ" ที่อยู่ในข่ายถูกจับตาว่าจะตามมาด้วย
ยุทธการแบบนี้เคยทำสำเร็จในสมัยตั้งพรรคพลังประชารัฐใหม่ๆ ยิ่งสื่อนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ "บิ๊กตู่-รวมไทยสร้างชาติ" ให้เข้าหูคนเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้น จนดูเหมือนเป็นพรรคขนาดใหญ่
ค่อยๆ สร้างความชัดเจนขึ้นทีละนิด ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบพูดออกจากปาก แบบว่ารู้ทั้งรู้ แต่ไม่พูดสักที.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)

