เปิดโรดแมปเลือกตั้ง 2566 ‘กฎเหล็ก’ กกต.คุมหาเสียง

การยุบสภาเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ถือได้ว่าประเทศไทยเข้าสู่โหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ได้อยู่จนครบวาระ ปลายปากกากลับมาสู่มือประชาชนอีกครั้ง โดยไม่กี่วันที่ผ่านมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดโรดแมปการเลือกตั้งไว้เป็นที่เรียบร้อยดังนี้

วันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งวันที่ 3-7 เม.ย.2566 วันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และพรรคการเมืองแจ้งบัญชีรายชื่อบุคคลที่แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร วันที่ 4-7 เม.ย.2566 วันสุดท้ายเพิ่มชื่อ ถอนชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 3 พ.ค.2566 และวันแจ้งเหตุที่ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 7-13 และ 15-21 พ.ค.2566 วันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตและนอกเขตเลือกตั้ง วันที่ 7 พ.ค.2566 โดยคนไทยจะได้กาบัตรเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.2566

หลังจากนั้น กกต.ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. 500 คน อย่างไม่เป็นทางการ ในช่วงต้นเดือน ก.ค.2566 จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสภาผู้แทนราษฎร ตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรกลางเดือน ก.ค.2566 การเลือกนายกรัฐมนตรี และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีปลายเดือน ก.ค.2566 และจัดตั้งคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณตนต้นเดือน ส.ค.2566

ทั้งนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบันยังคงต้องรักษาการต่อไปประมาณ 4 เดือนครึ่งหลังจากยุบสภาหรือครบวาระ ไปจนถึงต้นเดือน ส.ค.2566

สำหรับการปฏิบัติตัวของคณะรัฐมนตรีรักษาการ แม้จะยุบสภาไปแล้ว แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ยังต้องรักษาการต่อจนกว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน หมายความว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีก็ยังประชุมได้ และตามระเบียบนายกรัฐมนตรีสามารถปรับคณะรัฐมนตรีได้ถ้าจำเป็น

แต่การทำหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีรักษาการจะอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือ ไม่อนุมัติงานโครงการที่สร้างความผูกพันถึงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ยกเว้นเป็นเรื่องที่อยู่ในงบประมาณประจำปี

ไม่แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ พนักงาน หรือให้ใครพ้นจากตำแหน่ง ยกเว้น กกต.เห็นชอบ รวมถึงไม่อนุมัติการใช้งบกลาง ไม่ใช้ทรัพยากร หรือบุคลากรของรัฐดำเนินการที่ส่งผลกับการเลือกตั้ง และจะต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ทั้งนี้ แม้จะเป็น ครม.รักษาการ ก็จะไปหาเสียงได้ เฉพาะหลังเวลางานหรือวันหยุดเท่านั้น เว้นแต่ลาออกจากตำแหน่ง

ในส่วนของพรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยิ่งการเลือกตั้ง 2566 ครั้งนี้คาบเกี่ยวประเพณีทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นการถือศีลอดของชาวมุสลิม และเทศกาลประเพณีวันสงกรานต์ ฉะนั้น เพื่อป้องกันการถูกร้องเรียนว่ากระทำผิดกฎหมาย ผู้สมัคร ส.ส.จึงจำเป็นต้องหาเสียงให้อยู่ในกรอบกติกาและระเบียบของกฎหมายที่กำหนดไว้

โดยแนวทางปฏิบัติที่ผู้สมัครและพรรคการเมืองสามารถกระทำได้ แต่ต้องพึงระมัดระวังคือ การไปร่วมงานประเพณี เช่น งานแต่งงาน งานบวช งานศพ สามารถไปและมอบพวงหรีดดอกไม้สดได้ แต่ต้องไม่ให้เงินหรือทรัพย์สิน ยกเว้นเจ้าภาพเตรียมไว้ แต่จะไม่สามารถประกาศชื่อ หมายเลขของผู้สมัครและหรือพรรคการเมือง ในลักษณะช่วยหาเสียงเลือกตั้งได้ หากมีความจำเป็นต้องจัดพิธีงานต่างๆ ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ก็ต้องจัดได้เท่าที่จำเป็น เช่น งานศพ งานบวช งานแต่งงาน หลีกเลี่ยงงานขนาดใหญ่ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปหาเสียงเลือกตั้งในโรงเรียน สถานที่ราชการได้ แต่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของพื้นที่เสียก่อน และสิ่งที่สำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ ไม่สามารถมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนจากเหตุอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย และโรคระบาดได้

ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 73 ยังได้บัญญัติห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ด้วยวิธีการ 1.จัดทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด 2.ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด 3.โฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆ 4.เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด และ 5.หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง

อย่างไรก็ตาม ทาง กกต.ได้วางกฎเหล็กคุมเข้มการหาเสียงเพื่อตีกรอบไม่ให้เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ซึ่งตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 กำหนดไว้ ดังนี้ 1.สามารถแจกเอกสารหรือวีดิทัศน์เกี่ยวกับการหาเสียงในเขตชุมชน สถานที่ต่างๆ หรืองานพิธีการต่างๆ โดยสามารถระบุชื่อ รูปถ่าย หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ประวัติส่วนตัว ชื่อและสัญลักษณ์ รวมถึงนโยบายของพรรค 2.ใช้พาหนะต่างๆ ในการหาเสียงเลือกตั้ง หรือจัดสถานที่หรือเวทีเพื่อโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งได้

3.ใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อช่วยในการหาเสียงเลือกตั้ง 4.ปิดประกาศโฆษณาหรือติดแผ่นป้ายโฆษณาที่ยานพาหนะในการหาเสียงเลือกตั้ง 5.หาเสียงเลือกตั้งผ่านจดหมาย สื่อสิ่งพิมพ์ ถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 6.หาเสียงเลือกตั้งทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อโซเชียล อาทิ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ยูทูบ ทวิตเตอร์ และ 7.สามารถมีผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งได้

นอกจากนี้ยังระบุว่า ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใด นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง รวมทั้งห้ามนักแสดง นักร้อง นักดนตรี สื่อมวลชน ใช้ความสามารถเพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งแก่ผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมือง ห้ามแจกจ่ายเอกสารเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการวาง หรือโปรยในที่สาธารณะ ห้ามหาเสียงเลือกตั้งโดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย หรือปลุกระดม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

20ปีแห่งการสูญเสีย‘คดีตากใบ’ 14จำเลย-ผู้ต้องหาส่อลอยนวล?

อีก 1 เดือนโดยประมาณครบ 20 ปีแล้ว ที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่ อ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 ยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งทหาร ตำรวจ จับประชาชนเป็นร้อยๆ คนที่ไปยืนชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัว นายกามา อาลี กับพวกรวม 6 คน ผู้ต้องหา ที่เป็นอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)

โละทิ้ง“จริยธรรม”สุดซอย คืนสิทธินักการเมืองสีเทา

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านจะพักรบ หันมาจูบปากปรองดองชั่วคราว หากไม่ใช่ผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองและพวกพ้องลงตัว

5 สมการเก้าอี้ ผบ.ทร. จบแบบไหน-ใครเป็นคนเลือก?

“โผทหาร” ดราฟแรกผ่านกระบวนการเช็กความถูกต้องไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการปรับย้ายชั้นนายพล หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหม ดำเนินกรรมวิธีตามกฎหมาย

'พรรคประชาชน' ถอด 'พิษณุโลกโมเดล' วางเกมยาวสู้ 'กลุ่มชนชั้นนำ' เลือกตั้งปี 70

ภายหลังการเลือกตั้งซ่อม จ.พิษณุโลก เขต 1 สิ้นสุดลง ผลปรากฏว่า นายจเด็ศ จันทรา หมายเลข 2 จากพรรคเพื่อไทย เอาชนะ นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ หมายเลข 1 จากพรรคประชาชน ไปด้วยคะแนนที่ห่างกันมากถึง 6,569 คะแนน

ร้อง กกต. ยุบเพื่อไทย - ฟัน 'อิ๊งค์' ทำเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมฯ ไม่สุจริต

'พิราบขาว' ร้อง กกต. ยุบพท.- เอาผิดอาญา 'อิ๊งค์' อ้างยึดมาตรฐานเดียวกับฟันนายกเบี้ยว เหตุทำเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมฯ ไม่สุจริตเที่ยงธรรม