ดิจิทัลวอนเละ

ส่วนเฟสสองและต่อๆ ไป ตามคำให้สัมภาษณ์ของ "มาดามแพ" นั้น ยังลูกกระสือ ลูกเปรต ไม่รู้หน้าตาจะออกมาอย่างไร

จน "พิชัย ชุณหวชิร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แอ่นอกรับ แจกปีนี้ไม่ทัน ต้องเลื่อนไปปีหน้า

แต่เดือนไหน ไตรมาสไหน ยังบอกไม่ได้

แสดงว่าปัญหามันเยอะจนยากเกินเยียวยา                                   

และแล้วมีคนในรัฐบาลโยนหินถามทาง

เขาคนนั้นคือ "สรวงศ์ เทียนทอง" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สถานะในรัฐบาลถือว่าใกล้ชิดกับ "มาดามแพ" ไม่น้อยไปกว่าใคร

เพราะขณะบริหารพรรคเพื่อไทยด้วยกัน ในฐานะหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค รับส่งงานจนเข้าขา มองตาก็รู้ใจ ฉะนั้นคำพูดของ "สรวงศ์ เทียนทอง" จึงสะท้อนทิศทางของรัฐบาลได้ในระดับที่ต้องจับตามองทีเดียว

"...การส่งเสริมไทยเที่ยวไทยจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมีรายได้ในช่วงโลว์ซีซัน เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ เพราะในช่วงไฮซีซันเราอาจจะหวังนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้ ซึ่งการจะสนับสนุนในเรื่องของการเดินทาง ที่พัก จะเป็นในรูปแบบใด ที่คล้ายๆ กับโครงการ  เราเที่ยวด้วยกัน  หรือโครงการ คนละครึ่ง..."

แม้จะพูดในบริบทของการท่องเที่ยว แต่อย่าลืมว่า เราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง คือแพ็กเกจการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้ผลจริง

ที่สำคัญมีทุกอย่างรองรับพร้อมดำเนินการนโยบายได้ทันที

แค่รอผู้มีอำนาจเคาะเท่านั้น

ฉะนั้นคำถามคือ เป็นไปได้หรือไม่ที่ รัฐบาลมาดามแพ จะปรับเปลี่ยนโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เป็น โครงการคนละครึ่ง ผ่านแอปเป๋าตัง แทนที่รัฐบาลจะสร้างแอปขึ้นมาใหม่ พร้อมกับระบบที่ซับซ้อนจนยากที่ประชาชนทั่วไปจะเข้าใจได้

วันนี้ต้องเรียกให้ถูกครับ ไม่มีการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟสสอง เพราะยังไม่มีดิจิทัลวอลเล็ตเฟสหนึ่ง

เฟสหนึ่งแจกเป็นเงินสด

การแจกเงินเฟสสองจึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ตกลงแล้วมันเป็นอะไร ดิจิทัลวอลเล็ตในนิยามของรัฐบาล หรือเงินสด หรือผ่านระบบวอลเล็ตอื่นๆ เช่น เป๋าตัง

มาดูโพสต์ของอดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง "ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล" ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ ครับ 

เขียนในหัวข้อ “ช่วย ๒๒ ล้านคนให้ได้ดิจิทัลวอลเล็ต” มีรายละเอียดดังนี้....

"...Facebook ได้ลบบทความของผมที่พยากรณ์อนาคตดิจิทัลวอลเล็ตในทางลบ ไม่น่าเชื่อว่ามีคนทรงอิทธิพลเดือดร้อนหนักถึงขั้นไปสั่งให้ Facebook ลบบทความ

ล่าสุดมีคนลงทะเบียนมหาศาล ๓๖ ล้านคน คิดเป็น ๗๐% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ๕๒ ล้านคน

เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗ รัฐบาลเปลี่ยนเฟสหนึ่งไปเป็น โครงการผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ แจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทให้ ๑๔ ล้านคนเป็นเงินสด

รัฐบาลประกาศว่าเฟสสองยังจะไปต่อ จะตั้งคณะกรรมการพิจารณา แต่น่าวิเคราะห์ว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง ๒๒ ล้านคนมาลงทะเบียนเสียเปล่าหรือไม่?

ถามว่า รัฐบาลแจกเป็นเงินสดได้หรือไม่?

ตอบว่า ไม่น่าได้เพราะ

 (ก) ไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง น่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง สัญญาว่าจะให้

 (ข) กระตุ้นได้แผ่วบาง เพราะไม่สามารถควบคุมเงื่อนไขการใช้จ่าย (เติมน้ำมันหรือซื้อของนำเข้า-ไปกระตุ้นประเทศผู้ขาย พนันออนไลน์-ไปกระตุ้นใต้ดิน)

 (ค) การกู้หนี้สาธารณะมาแจกแบบคุมทิศทางไม่ได้ คือละลายลงแม่น้ำ เศรษฐกิจไทยจะหายนะ

ถามว่า ทำอย่างไรจะแจกเงินดิจิทัล?

หนึ่ง ต้องได้ไฟเขียวจากแบงก์ชาติในเรื่องกฎหมายเงินตราก่อน

สอง ต้องได้ไฟเขียวจาก กก.ระบบการชำระเงินและแบงก์พาณิชย์ก่อน ในการเชื่อมโยงดิจิทัลเข้ากับคอมพิวเตอร์ของแบงก์พาณิชย์

สาม ต้องทำให้ระบบบล็อกเชนอนุมัติรายการได้เร็วก่อน (ยังไม่มีใครทำได้ ตัวอย่างบิตคอยน์ใช้เวลาอนุมัติแต่ละรายการ ๑๐ นาที หรือเป็นชั่วโมง)

สี่ ต้องสอนให้ลุงๆ ป้าๆ สร้างรหัสส่วนตัว private key ก่อน (บิตคอยน์มี ๕๒ ตัว อีธีเรียมมี ๖๔ ตัว ใช้ตัวเลขสลับกับอักษรอังกฤษใหญ่เล็ก)

ห้า ต้องสอนให้ลุงๆ ป้าๆ ซ่อนรหัสก่อน (เพราะถ้าใครล่วงรู้ ก็เบิกเงินดิจิทัลออกไปเองได้เลย)

หก ต้องแก้ปัญหาก่อน กรณีรหัสหายหรือหลงลืม ประตูเข้า Wallet นั้นจะปิดตลอดกาล รัฐบาลจะช่วยลุงๆ ป้าๆ หรือไม่? อย่างไร?

เจ็ด ต้องเสนอหกข้อนี้ให้ ครม.พิจารณาก่อน เพราะถ้าโครงการไม่สำเร็จจะต้องร่วมกันใช้คืนเงินโทษฐานพัฒนาโปรแกรมโดยไม่รอบคอบ

สรุป ผมเอาใจช่วยโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ต้องการให้ผู้ที่มาลงทะเบียน ๒๒ ล้านคนผิดหวัง จึงเรียกร้องให้รัฐมนตรีคลังชี้แจงต่อ ครม. และประกาศต่อประชาชนโดยด่วนว่า ปัญหา ๖ ข้อนี้ มีจริงหรือไม่? แก้ได้อย่างไร?

อย่าทำให้ประชาชนมีความหวังค้างกลางอากาศ..."

ครับ...อย่างที่บอก หากดำเนินการตามแนวคิดรัฐบาลมันไม่ง่าย ดิจิทัลวอลเล็ตถึงได้เลื่อนแล้วเลื่อนอีก และคงจะเลื่อนไปเรื่อยๆ หากยืนกรานจะทำแบบเดิม

หรือรัฐบาลจะรอยึดแบงก์ชาติให้ได้ก่อน เพราะหากผ่านไปได้ รัฐบาลก็จะทำอะไรได้ง่ายขึ้น แต่นั่นต้องรอถึงเดือนกันยายนปีหน้า กว่า "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" จะพ้นเก้าอี้ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ

รอไม่ไหวแน่นอน

เผลอๆ รัฐบาลมาดามแพมีอันเป็นไปเสียก่อน

เห็น "มาดามแพ" ตั้งทีมอรหันต์ขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากมีรัฐมนตรีล้นทีมแล้ว ยังมีผู้ว่าฯ แบงก์ชาติด้วย ดูหน้าตาในภาพรวมไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์

เป็นการผสมผสาน ครม.เศรษฐกิจ กับ ครม.ฝ่ายความมั่นคงเสียมากกว่า

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติท่านถูกจับยัดเข้าไปด้วย คงจะทำอะไรได้ยาก จะมีแต่รัฐบาลนี่แหละครับเอาท่านเป็นเกราะกำบัง

อย่างน้อยๆ เวลาแถลงข่าวจะอ้างได้ว่า ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เห็นชอบด้วย

ด้วยปัญหาข้อกฎหมายแบงก์ชาติ ความร่วมมือแบงก์พาณิชย์ สุดท้ายอาจต้องเปลี่ยนชื่อโครงการ

ก็ตามที่รัฐมนตรีช่วยคลัง "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" ตอบกระทู้ในสภาครับ

"...ยอมรับว่าการจัดซื้อจัดจ้างให้ทำระบบการจ่ายเงินยกเลิกจริง ด้วยเพราะสาเหตุที่มีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลขณะนั้น เราจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูดคุยกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ และกำหนดการที่วางไว้เดิมว่าจะเสร็จช่วงปลายปี คงจะต้องเลื่อนไปช่วงหลังปีใหม่ รวมถึงยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ภาครัฐก็ยังมีการพัฒนาระบบการจ่ายเงินตลอดเวลา..."

ระบบยังไม่เป็นวุ้นเลยครับ.