เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร รีบออกมา โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ @ThaksinLive แบบเร่งด่วน เพื่อกลบกระแสข่าว ดีลลับ ระหว่างเพื่อไทยกับพลังประชารัฐ ในการจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง โดยเฉพาะเมื่อ วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ-สายตรงป่ารอยต่อฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังถูกถามว่า การดีลขั้วตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับเพื่อไทยมีความเป็นไปได้หรือไม่
คำตอบจากวิรัชคือ “เป็นไปได้หมด ไม่ว่าจะฝั่งโน้นหรือฝั่งนี้ พรรคพลังประชารัฐ เราก้าวข้ามความขัดแย้ง เราจะไม่สุดโต่งข้างหนึ่งข้างใด”
และเมื่อถูกถามย้ำว่า พลังประชารัฐมีเสียงน้อยกว่าเพื่อไทย ทักษิณจะให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ หรือไม่ คำตอบคือ “เมื่อถึงเวลาวันนั้นเขาคงตัดสินได้ การเลือกตั้งครั้งที่แล้วพรรคเพื่อไทยยังสนับสนุนให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ แข่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ จำได้หรือเปล่า เพิ่งผ่านมาไม่นานเอง เพราะเมื่อถึงเวลาคับขัน เขาก็ทำได้ แต่เมื่อมีการหาเสียงปราศรัยก็จะบอกว่าเขาจะเป็น”
การออกมาพูดดังกล่าวของ วิรัช-แกนนำพลังประชารัฐ ไม่เป็นผลดีต่อเพื่อไทยเต็มๆ เพราะจะทำให้คนที่จะเลือกเพื่อไทย ที่เป็นกลุ่มไม่เอา 3 ป. ไม่เอารัฐบาลชุดนี้ เกิดความลังเลใจว่าหากเลือกเพื่อไทยไป แล้วเพื่อไทยจะไปจับมือกับพลังประชารัฐตั้งรัฐบาลร่วมกัน จนทำให้ ความลังเลใจดังกล่าวจะเกิดแรงเหวี่ยงทางการเมืองด้วยการเทเสียงไปที่ พรรคก้าวไกล คู่แข่งของเพื่อไทย
ผลก็คือ ทำให้เป้าหมายแลนด์สไลด์หลังเลือกตั้งของเพื่อไทยมีสิทธิ์สูงไปไม่ถึงฝั่งฝัน
ยิ่งโพลบางสำนักระยะหลังพบว่า กระแสนิยมของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และก้าวไกล ตีขนาบเบียดกันคู่คี่กับ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร และเพื่อไทยมาแบบหายใจรดต้นคอ จนโพลบางสำนัก เช่น นิด้าโพล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มี.ค. เปิดออกมาว่า คะแนนนิยมของพิธากับก้าวไกลนำแพทองธารและเพื่อไทยไปแล้ว
กระแสความรู้สึกดังกล่าวที่เกิดขึ้น แกนนำเพื่อไทยและทักษิณสัมผัสได้ไม่ยาก จึงทำให้ ทักษิณต้องรีบออกมากลบกระแสข่าวดังกล่าวโดยด่วน
“ตอบวิรัช "เรื่องยกตำแหน่งนายกฯ ให้ป้อม" 1. ผมไม่ได้มีอำนาจในพรรคเพื่อไทย 2.ผมไม่เคยสื่อสารกับคุณวิรัชมานานมากแล้ว อีกทั้งไม่เคยคุยกับ พล.อ.ประวิตรมา 17 ปีแล้ว 3.ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง เชื่อว่าพรรคไม่โง่พอที่จะยกตำแหน่งนายกฯ ให้ป้อม” ทักษิณ ผู้นำพรรคเพื่อไทยตัวจริงระบุ
สอดรับกับท่าทีของ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่พูดถึงเรื่องนี้ว่า หากเพื่อไทยได้เสียง 310 ขึ้นไป เพื่อไทยไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไปจับมือกับพรรคอื่นๆ หลายพรรค แต่อาจมีพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาร่วม เพราะการตั้งรัฐบาลได้ต้องได้ 376 เสียง
“สิ่งที่นายวิรัชพูดถือว่าฝันกลางวันหรือไม่ พรรคเพื่อไทยโดยกรรมการบริหารพรรค ไม่เคยมีมติเช่นนั้น เราไม่เคยตกลง ไม่เคยประสานกับนายวิรัช เรามุ่งหน้าแลนด์สไลด์ ไม่สนับสนุนคนอื่นเป็นนายกฯ ไม่ประสงค์ร่วมมือกับพลังประชารัฐ” ภูมิธรรม แกนนำเพื่อไทยสายตรงทักษิณกล่าวย้ำเช่นกัน
ท่าทีการเมืองของทักษิณถูกโฟกัสทางการเมืองอีกครั้ง หลังล่าสุดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทักษิณให้สัมภาษณ์สำนักข่าวของประเทศญี่ปุ่น โดยมีเนื้อหาโดยสรุประบุว่า พร้อมจะกลับมารับโทษติดคุกในประเทศไทย เพราะอยากใช้ชีวิตในบั้นปลายกับครอบครัว กับหลาน และมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งแลนด์สไลด์ โดยยืนยันว่าการกลับมารับโทษดังกล่าว จะไม่ต้องมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม
อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ทางการเมืองว่า ท่าทีดังกล่าวของทักษิณเกิดขึ้นจากการที่ทักษิณคงต้องการให้ฝ่ายที่ลังเลจะเลือกเพื่อไทยในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น หรือสนับสนุนให้เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง แต่เกรงว่าหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วจะใช้เสียงข้างมาก ออกกฎหมายนิรโทษกรรมหรือใช้กลไกพิเศษบางอย่างเพื่อช่วยทักษิณกลับประเทศโดยไม่ต้องรับโทษ จนอาจทำให้เกิดแรงต่อต้านจนเกิดความวุ่นวายในประเทศ เลยทำให้คนที่ยังลังเลอยู่ ตัดสินใจไปเลือกพรรคอื่น อย่าง พรรคก้าวไกล แทน
มันเลยทำให้ทักษิณส่งสัญญาณการพร้อมกลับมารับโทษในประเทศไทยด้วยวิธีการปกติ เพื่อทำให้คนบางกลุ่มที่เป็นกลุ่มกลางๆ แต่เป็นกลุ่มที่เบื่อรัฐบาล ไม่อยากหนุนพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน อยากเลือกเพื่อไทย แต่ก็ยังเป็นห่วงว่าเพื่อไทยจะมีการช่วยทักษิณกลับบ้านด้วยวิธีการพิเศษ เกิดความสบายใจว่าหากเลือกเพื่อไทย หรือเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ก็จะไม่มีการช่วยเหลือทักษิณแต่อย่างใด จนทำให้ความสบายใจดังกล่าวกลายเป็นคะแนนของเพื่อไทยในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
อีกทั้งทักษิณอาจต้องการส่งสัญญาณไปยัง “บุคคลบางกลุ่ม” ที่อยู่ในเครือข่ายอำนาจทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยที่อยู่ในกลุ่ม “ชนชั้นนำทางการเมือง-political elite” ซึ่งแวดวงการเมืองรู้กันดีว่า คือกลุ่มไหน และส่วนใหญ่มองว่าเป็นกลุ่มที่ไม่แฮปปี้กับทักษิณ แต่เมื่อทักษิณส่งสัญญาณมาแบบนี้ ก็จะได้ทำให้คนกลุ่มนี้ สบายใจว่า หากเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ก็จะไม่มีการช่วยเหลือทักษิณกลับไทยด้วยวิธีการลัดขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม จนทำให้เครือข่ายอำนาจดังกล่าวในซีก political elite ไม่ขวาง-ไม่ต่อต้าน การจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยหลังเลือกตั้งหากเพื่อไทยรวมเสียงได้สำเร็จ
กระนั้นก็มีการถอดสัญญาณดังกล่าวของทักษิณจากบางฝ่าย โดยเฉพาะขั้วที่แสดงออกชัดเจนว่าอยู่ตรงข้ามทักษิณ-เพื่อไทย ว่า คำพูดดังกล่าวของทักษิณน่าจะเป็นจริงได้ยาก เพราะด้วยเงื่อนไขการรับโทษและคดีความต่างๆ ที่เป็นชนักติดหลังทักษิณอยู่ ทำให้แม้ทักษิณจะกลับมารับโทษ ยอมติดคุก แต่ก็น่าจะยากที่จะได้รับสิทธิพิเศษบางอย่าง เพื่อทำให้การรับโทษจริงในคุกเหลือลดน้อยลงมากกว่าที่ควรจะเป็น
เพราะหากทักษิณกลับมาติดคุก ก็ต้องติดไม่น้อยกว่า 3 ปี 6 เดือน จากผลคำพิพากษาจำคุกทักษิณของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ตัดสินจำคุกทักษิณใน 3 คดี คือ คดีฟ้องทักษิณเป็นจำเลยกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี กรณีการแปลงสัญญาสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเอื้อประโยชน์ธุรกิจของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ที่ครอบครัวชินวัตรเคยถือหุ้นใหญ่ ที่ศาลฎีกาตัดสินจำคุกทักษิณ 5 ปี, คดีหวยบนดิน, คดีปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ รวมแล้วร่วม 10 ปี หลายคนจึงไม่เชื่อว่าทักษิณจะยอมรับโทษในเรือนจำร่วม 3 ปีกว่า
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าทักษิณคงไม่เลิกส่งสัญญาณอยากกลับประเทศไทย เพราะเป็นเรื่องที่พูดมาหลายปีแล้ว และคาดว่าเมื่อถึงช่วงไคลแมกซ์ ใกล้วันเลือกตั้ง อาจได้เห็นการส่งสัญญาณทางการเมืองจากทักษิณในลักษณะเช่นนี้ออกมาอีก
ส่วนว่าเมื่อทักษิณส่งสัญญาณแบบนี้ออกมาอีก จะเป็นผลบวกทำให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ หรือทำให้เพื่อไทยแลนด์ไถล ก็ขึ้นอยู่กับทักษิณเองทั้งสิ้น เพราะหากส่งสัญญาณผิด กระแสติดลบ แทนที่จะช่วยเพื่อไทยให้ชนะเลือกตั้ง อาจทำให้แพ้ทั้งกระดานก็ได้!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ขี่กระแสชาตินิยม รวมบ้านใหญ่สู่รัฐบาล 4 ปี
“ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง”, “รัฐบาลสนับสนุนการทำหน้าที่ของกองทัพอย่างเต็มที่”, “นี่เป็นเรื่องของสองประเทศ ไม่ใช่เรื่องของคนนอก” และ “การหยุดยิงจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อกัมพูชาแสดงความจริงใจ และต้องแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรม”
ศึกชิง ‘เมืองกล้วยไข่’ ‘กล้าธรรม’ ปะทะ ‘รัตนากร’
1 ในพื้นที่เป้าหมายสำคัญของ ‘พรรคกล้าธรรม’ ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรค คือ จ.กำแพงเพชร
จับเบอร์พรรคมีโห่ไล่ ‘อนุทิน’37เด็ดตรงหนู
จับเบอร์ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทยโชคดีได้เลข 9 เบอร์เก่า
เปิดขั้นตอนหย่อนบัตร8ก.พ.69 บัตร3ใบเลือกตั้งพ่วงประชามติ
ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีการเลือกตั้ง สส. พร้อมกับการทำประชามติหนึ่งเรื่องในวันเดียวกัน โดยกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล
การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า

