'2 ลุง' คุมเกมเลือกนายกฯ สู่แผน 'ล้มนิดชุบชีวิตใคร'

แม้ฉากจบสะบั้นรักของพรรคเพื่อไทยที่มีต่อพรรคก้าวไกล ภายหลังแถลงข่าวฉีกเอ็มโยูเดิมของ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ด้วยข้ออ้างว่า ทุกฝ่ายปฏิเสธพรรคสีส้ม เพราะติดเงื่อนไขแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 

แต่ใช่ว่าเส้นทางจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทยจะราบรื่นโรยด้วยกลีบกุหลาบ หลังมือดีลจัดตั้งรัฐบาลของคนแดนไกลประกาศสูตร ไม่มีก้าวไกล และไม่มีสองลุง

โดยรวมเสียงสภาล่างได้จำนวน 264 เสียง นำโดย พรรคเพื่อไทย (พท.) 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 10 เสียง พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนจำนวน 22 เสียง ฯลฯ ซึ่งมั่นใจจะได้เสียงจาก สส.งูเห่า และ สว.อีก 111 เสียง ผลักดัน เสี่ยนิด เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยขึ้นเป็นนายกฯ  

ขณะที่ฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล (ก.ก.) 151 เสียง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) 36 เสียง พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) 6 เสียง และพรรคเป็นธรรม (ปธ.) 1 เสียง รวม 234 เสียง

แต่เมื่อถึงช่วงโหวตนายกฯ จากกำหนดที่เดิมถูกเซตฉากไว้วันที่ 4 ส.ค. มีอันถูกเลื่อนออกไป ด้วยอานุภาพของศาลรัฐธรรมนูญ   

โดย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ขอให้รอการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 ส.ค. เสียก่อนว่าการโหวตเลือกนายกฯ ซ้ำทำตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 ขัดกับรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ตามคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน 

กระทบถึงพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการจะปิดเกมตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ต้องเลื่อนการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 15.00 น. วันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมาออกไปเช่นกัน  

สอดรับกระแสข่าว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เลื่อนบินกลับไทยจากกำหนดการเดิมในวันที่ 10 ส.ค.นี้ เพราะการเมืองยังไม่นิ่งใช่หรือไม่

แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน แต่ในทางการเมือง นี่คือเรื่องเดียวกันที่ "สองลุง" ผูกโยงกับอำนาจเก่า ต้องการสำแดงอำนาจและอานุภาพต่างๆ ให้เห็น และไม่โอเคกับสูตรถีบให้ไปเป็นฝ่ายค้าน 

พร้อมกระแสข่าวได้เรียกแกนนำงูเห่าของพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เขกกะโหลกห้ามเอาตัวรอด เพราะหากจะเป็นรัฐบาลก็ต้องไปด้วยกัน เช่นเดียวพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจำนวน 188 เสียงด้วยใช่หรือไม่

ฉะนั้นพรรคเพื่อไทย และ "ทักษิณ" จะตั้งรัฐบาลแบบหล่อๆ หลังล้มละลายทางความเชื่อเมื่อฉีกเอ็มโอยูของ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล และรักษาภาพลักษณ์ของสองแคนดิเดตพรรค คือ "เศรษฐา" และ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายใหญ่ ที่เคยประกาศไม่ร่วมงานกับสองลุง ก็คงจะไม่ได้แล้ว  

เมื่อเจออาการไม่ยอมแพ้ของ "สองลุง" ที่ไม่ได้มีเพียง สส.ผ่านสองพรรครวมกัน 76 เสียงเท่านั้น ยังมี สว.ในเครือข่ายอีกไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน และองค์กรอิสระต่างๆ ที่ผ่านการแต่งตั้งจากระบอบสืบทอดอำนาจ

ทำให้สถานการณ์ที่หลายคนมองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นต่อในฐานะผู้จัดตั้งรัฐบาล ที่ต้องได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคุมกระทรวงเกรดเอบวกไว้ในมือผู้เดียว มาถึงจุดที่ไม่ง่าย เพราะอำนาจต่อรองแทบไม่เหลือ

หากต้องการเป็นรัฐบาล และพา "ทักษิณ" กลับบ้าน จึงเป็นจะต้องมี "สองลุง" อยู่ในสมการเท่านั้น 

มิหนำซ้ำ แคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย คือ “เศรษฐา" ที่ "นายใหญ่" เคยประกาศไว้ต้องการทำงานในทำเนียบรัฐบาลอาจไม่ใช่สเปกของผู้มีอำนาจ   

ส่อเค้าต้องยอมเปลี่ยนตัวไปให้ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนสุดท้องเป็นนายกฯ หวังจับเป็นตัวประกันให้อยู่ในสายตาขององค์กรอิสระต่างๆ เพื่อควบคุม "คุณพ่อโทนี่" ให้อยู่ในโอวาท 

หลังวุฒิสภาสายตัวตึง อาทิ จเด็จ อินสว่าง, เสรี สุวรรณภานนท์ และ กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ จงใจขวาง “เศรษฐา” กรณีแสดงความเห็นเรื่องการแก้ไข ม.112 ในช่วงก่อนเลือกตั้ง ทั้งที่เจ้าตัวออกมาปฏิเสธว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว

"ก็เหนื่อยใจแทน เพราะเรื่องส่วนตัวและส่วนรวมของคุณเศรษฐา เท่าที่ฟังมาหนักพอสมควร สว.กิตติศักดิ์กล่าวไว้

หรือกรณีดับเครื่องชนของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ปฏิบัติการแฉเพื่อชาติถึงพฤติกรรมในอดีตของแคนดิเดตนายกฯ "ตัวสูง" มีนิติกรรมอำพราง สมรู้ร่วมคิดซื้อขายที่ดินทำเลทองย่านสารสิน และเลี่ยงภาษีประมาณ 521 ล้านบาท  

"ส่วนตัวมองว่าแค่เรื่องการซื้อขายที่ดินยังจงใจเลี่ยงภาษี แล้วถ้าได้เป็นนายกฯ จะไม่ช่วยนายทุนเขาเลี่ยงภาษีหรือ เพราะฉะนั้น นายเศรษฐาไม่มีความบริสุทธิ์ ถ้าได้เป็นนายกฯ รับรองประเทศพังแน่นอน" นายชูวิทย์กล่าวไว้  

ตีแผ่แผนการเหล่านี้ผ่าน อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่า ชูวิทย์มีการวางงานเป็นขั้นเป็นตอน เป็นกระบวนการหรือไม่ หรือเป็นการเปิดประตูไปสู่ปฏิบัติการ ล้มนิด ชุบชีวิตใคร

"ล้มนิด หมายถึงล้มเศรษฐา ส่วนคำว่าชุบชีวิต หมายถึงการพยายามเอาคนที่หมดโอกาส หมดลุ้นมาเป็นนายกฯ หรือไม่ ขอให้พี่น้องประชาชนจับตาแผนปฏิบัติการล้มนิด ชุบชีวิตใคร พร้อมถามว่าหากล้มเศรษฐาแล้วใครได้ประโยชน์สูงสุด" สส.เพื่อไทยกล่าว 

อย่างไรก็ตาม กว่าจะถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งต้องหลังวันที่ 16 ส.ค.นี้ ไม่ทราบว่า "เศรษฐา" จะทนพิษบาดแผลไหวหรือไม่ หรือถอนตัวไปก่อน 

ฉะนั้นหากธงของผู้มีอำนาจมาแนวทางนี้ เมื่อถึงเวลาโหวตเลือกนายกฯ "เศรษฐา" อาจจะไม่ได้เสียงเกิน 375 เสียง เพราะเห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) ที่กำหนดคุณสมบัติผู้นำประเทศ "ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์" 

คิวถัดไปจึงมาถึง "อุ๊งอิ๊ง" จะเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ แทน แต่ก็ต้องดูว่าครอบครัวไฟเขียว และจะรับแรงเสียดทานและความอำมหิตของการเมืองได้หรือไม่ 

ดังที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาดักคอว่า เพื่อไทยตั้งรัฐบาลข้ามขั้วจะสำเร็จได้ ต้องมีพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วม แต่ต้องแลกการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของประชาชน

ฉะนั้นหาก ลูกสาวทักษิณ ใจเสาะ ปล่อยให้พรรคอันดับ 3 จัดตั้งรัฐบาลแทน แต่เชื่อว่า อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นสายประนีประนอม คงบอกปัดเผือกร้อนนี้ โดยเฉพาะเก้าอี้นายกฯ เพราะน้ำหนักตัวเองมีเพียง 71 เสียง จะไปต่อรองอะไรกับพรรคใหญ่ หรือผู้มีอำนาจมากกว่าได้อย่างไร มีแต่เสี่ยงถูกรุมกินโต๊ะ

สุดท้ายอาจตกไปอยู่ในมือของพรรคลำดับถัดไป และชุบชีวิตใครขึ้นมาสู่เส้นทางนายกฯ หรือไม่

ดังที่ สว.บางคน และคนในบ้านป่ารอยต่อฯ อยากเห็น "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ หรืออาจไปไกลถึงการหา นายกฯ คนนอกตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรคสอง ซึ่งการเมืองแบบไทยในยามนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’

‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้

'อนุทิน' ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ จะทำให้ดีและยิ่งใหญ่กว่า 3 เดือนที่ผ่านมา

'อนุทิน' ประกาศ 'ผมเป็นนายกฯ' พร้อมดัน 'เอกนิติ -ศุภจี-สีหศักดิ์' เป็นรองนายกฯ สู้ศึกเลือกตั้ง โวมีสส.เพิ่มทุกครั้ง พร้อมเปิดนโยบายทหารอาสา 1 แสนคนเงินเดือน 1.2 หมื่นเพิ่มความเข้มแข็งปกป้องอธิปไตย

คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568

‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง

ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี

นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

นายกฯ เยี่ยมนาวิกโยธินเหยียบกับระเบิด ฝาก 'นานาชาติ' อย่าเอาแต่บอกไทยหยุดยิง ให้ไปบอกเขมร

นายกฯเยี่ยมนาวิกโยธิน เหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บ ฝากถึงนานาชาติ อย่าเอาแต่บอกให้ไทยหยุดยิง ให้ไปบอกเขมร ลั่นเลิกเกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหม เดินหน้าสถาปนาอธิปไตยเหนือชายแดนโดยเร็วที่สุด