ดิจิทัลวอลเล็ตเข็นต่อลำบาก สตง.ชี้จุดเสี่ยง ออกกม.กู้เงินฯ

ถึงตอนนี้ไม่ใช่แค่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เท่านั้น ที่ออกมาชี้ว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ของ พรรคเพื่อไทย มีความเสี่ยงหลายด้านตาม รายงานของ คณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่มี สุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน ที่ได้ศึกษารายละเอียดผลกระทบและความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต

 จนทำให้พรรคเพื่อไทยและคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่มี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังเป็นประธาน ถอยร่นไม่เป็นขบวนและใช้วิธีซื้อเวลาออกไป ไม่เร่งเดินหน้าตามผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตหลายคนไม่อยากเสี่ยงร่วมหัวจมท้ายกับรัฐบาลด้วย ถ้ายังไม่มั่นใจว่าถ้าลุยไฟไปด้วยกัน จะเสี่ยงติดร่างแหอะไรด้วยหรือไม่ หากว่าดิจิทัลวอลเล็ตทำไปแล้วมีปัญหาในอนาคต จึงซื้อเวลาด้วยการขอเวลาไปศึกษารายงานของ ป.ป.ช.ก่อน  

และตอนนี้พบว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็เป็นอีกหนึ่ง องค์กรอิสระ ที่แสดงความเป็นห่วงต่อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเช่นกัน

พบว่า สตง.จัดทำเอกสาร รายงานผลการศึกษาความเสี่ยง และผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital wallet กรณีการดำเนินตามนโยบายที่อาจส่งผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลังของรัฐ อันเป็นรายงานที่ศึกษาและจัดทำโดย คณะทำงานศึกษาความเสี่ยงและผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการเติมเงิน หนึ่งหมื่นบาทตามนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ตั้งขึ้นโดย ประจักษ์ บุญยัง ในช่วงเป็นผู้ว่าฯ สตง. ก่อนพ้นจากตำแหน่งไปเมื่อปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

รายงานดังกล่าวมีทั้งสิ้น 24 หน้า โดยมีเนื้อหา เช่น หน้าที่และอำนาจของ สตง.ในการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินแผ่นดินที่ทุจริตหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย-มาตรการระงับยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับการเงินการคลังของรัฐ-การวิเคราะห์ประเมินภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นต้น

 ซึ่งในช่วงของการทำความเห็นต่อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ทาง คณะทำงานศึกษาความเสี่ยงและผลกระทบจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของ สตง. ทางคณะทำงานเห็นว่า จากข้อมูลเรื่องความเสี่ยงทางการคลัง-วงเงินที่จะใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต-ที่มาของเงินที่จะใช้ทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ทางคณะทำงานเห็นว่า รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา 62 และ 164 (2) ที่กำหนดให้รัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐโดยเคร่งครัด เพื่อให้ฐานะการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและมั่นคง ซึ่งการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนสูงมาก เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังสะสมเพิ่มขึ้นในอนาคต รัฐบาลอาจเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามงบประมาณปกติ และการดำเนินนโยบายโดยใช้มาตราทางการกึ่งการคลัง ตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ควรพิจารณาดำเนินการเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และไม่สามารถใช้จ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้เท่านั้น หรือหากจะดำเนินการตามกฎหมายเฉพาะเพื่อกู้เงินตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ก็ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้

“ทั้งนี้ ไม่ว่าจะใช้จ่ายเงินจากแหล่งใด รัฐบาลต้องใช้จ่ายเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะได้รับ รวมถึงภาระการเงินการคลังที่จะเกิดขึ้นแก่รัฐในระยะยาว รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นกับการเงินการคลังของรัฐอย่างรอบคอบ ต้องมีขั้นตอนในการอนุมัติเบิกจ่ายเงิน และการกำกับติดตามที่น่าเชื่อถือ และรัดกุมรอบคอบ รวมถึงมาตรการในการป้องกันการทุจริต ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างเพียงพอและเหมาะสม โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการเงินการคลังของรัฐและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รายงานของ สตง.ระบุตอนหนึ่ง  

พบว่ารายงานดังกล่าวได้มีการเสนอเข้าที่ประชุม คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ที่เป็นบอร์ดของ สตง.โดยทาง คตง.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาติดตาม-ศึกษาการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตต่อไปโดยเฉพาะ ซึ่งหากมีการออกกฎหมายกู้เงิน-มีการแจกเงินให้กับประชาชน ก็ถือว่า เข้าหลักเกณฑ์ที่ สตง.จะเข้าไปตรวจสอบได้ทันที เพราะเงินที่แจกก็คือเงินของรัฐ-เงินที่เป็นภาษีประชาชน

ประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าฯ สตง. ที่เป็นคนตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าว บอกว่า คณะทำงานของ สตง.มีการศึกษาข้อมูลในประเด็นต่างๆ เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ โดยพิจารณาจากตัวเลขจีดีพี เทียบกับตัวชี้วัดต่างๆ ตามเกณฑ์ของธนาคารโลกเพื่อดูว่ามีวิกฤตหรือไม่ คำตอบก็คือ มันไม่ถึงขนาดนั้น รวมถึงเรื่องความเสี่ยงด้านวินัยการเงินการคลังเรื่องรายได้ อย่างที่รัฐบาลเคยบอกว่า หากใช้จ่ายไปแล้ว (ดิจิทัลวอลเล็ต) จะทำให้เศรษฐกิจต่างๆ จะเดินไป ทำให้สามารถจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นได้กี่ล้านล้านบาท มันติดขัด กระบวนการจะไปถึงตรงนั้นได้หรือไม่ เราก็มองความเสี่ยงว่ามันอาจจะไปได้ไม่ถึงตรงนั้น ที่จะมีรายได้เพิ่มเติมเข้ามาจากการใช้จ่ายตรงนี้ (ดิจิทัลวอลเล็ต) เป็นต้น

ทั้งนี้ สตง.เคยมีบทบาทสำคัญในการติดตามตรวจสอบนโยบาย รับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลเพื่อไทย-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ สตง.เป็นหน่วยงานแรก ที่ทำหนังสือทักท้วง-เตือน ไปถึงยิ่งลักษณ์-รัฐบาลว่าขอให้ระงับยับยั้งการทำโครงการรับจำนำข้าว เพราะ สตง.เคยศึกษาติดตามนโยบายจำนำข้าวมาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แล้ว และเห็นว่านโยบายดังกล่าวมีปัญหาในทางปฏิบัติ แต่เมื่อส่งหนังสือไป ทางยิ่งลักษณ์-รัฐบาลเพิกเฉย ไม่ได้สนใจ

 จนต่อมาเมื่อมีการไต่สวน-ดำเนินคดีกับยิ่งลักษณ์ ในคดีรับจำนำข้าว จึงมีการใช้หนังสือเตือนของ สตง.มาเป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งในการดำเนินคดีในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ว่า ยิ่งลักษณ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่ยอมระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่มีหนังสือเตือนจาก สตง. รวมถึง ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการมาแล้ว และสุดท้ายศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐหลายแสนล้านบาท

 ที่ก็ต้องดูว่า หากสุดท้ายถ้าเพื่อไทยเข็นดิจิทัลวอลเล็ตจนออกมาได้แล้วหากเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต ก็ไม่แน่อาจมีคนนำรายงาน-เอกสารของทั้งสำนักงาน ป.ป.ช.และ สตง.ที่ออกมาให้ความเห็นถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ในเชิงเตือน-เสนอแนะ แต่รัฐบาลไม่ฟัง 

ก็ไม่แน่ ถึงตอนนั้นดิจิทัลวอลเล็ตอาจกลับมาเป็นการฉายหนังซ้ำ เอาผิดรัฐบาลเศรษฐา เหมือนกับเอาผิดยิ่งลักษณ์ ในคดีรับจำนำข้าว โดยใช้ความเห็นของ ป.ป.ช.และ สตง.มาเป็นส่วนสำคัญก็ได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ลุง”กับ“อา”ใจถึงพึ่งได้ เฮือกสุดท้ายใน”บ้านป่า”?

“เปิดต้อนรับนักการเมืองเทรนด์เดียวกัน ที่รสนิยมในเรื่องของ พรรคพวก เพื่อนฝูง พี่น้อง ต้องมาก่อน เรื่องคำมั่นสัญญา การไม่หักหลังกัน เปรียบเหมือน ปฏิญญา-กฎเหล็ก ในการคบหากันของแวดวงคนใจนักเลง”

“อนุทิน-ภท.” “พยัคฆ์ติดปีก”

กรณีสถานการณ์ “กัญชา” พลิกจากเดิมที่จะถูกดึงกลับไปเป็นยาเสพติด หักนโยบายพรรคภูมิใจไทยสร้างมา เป็นการออก พ.ร.บ. เพื่อใช้เฉพาะทางการแพทย์ วิจัย เศรษฐกิจเท่านั้น

ผลโหวตวุฒิสภาชุด13 ‘มงคล’ปธ.หัวใจสีเหลือง

ผ่านพ้นจนได้ สำหรับการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา 2 ตำแหน่ง แม้จะมีเรื่องขรุขระต้องนับคะแนนใหม่อีกรอบหนึ่ง ในการเลือกรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เนื่องจากมีคะแนนเกินมา 1 แต้ม

ยังไม่จบ ศึกชิงอำนาจสภาสูง แผนสองกินรวบ ปธ.กมธ.ทุกชุด!

วันอังคารนี้ 23 ก.ค. คาดว่าคงไม่เกินช่วงเที่ยงๆ ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ผลการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อเลือก ประมุขสภาสูง-ประธานวุฒิสภา และ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง-รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง รวมสามเก้าอี้ใหญ่สภาสูงจะออกมาอย่างไร

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน