
“ทั้งหมดนั้นถือเป็นโจทย์ที่เขาทุ่มสุดตัวเพื่อแสดงให้เห็นว่า ทำได้-ทำถึง จะได้ไปคุยกับพระเจ้ารู้เรื่อง จึงจำเป็นที่ต้องกุมอำนาจรัฐอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งจำนวน สส. รวมไปถึงคะแนนนิยมจากความพึงพอใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม"
ปิดจ๊อบเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) จำนวน 76 จังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) จำนวน 47 จังหวัดไปเรียบร้อยแล้ว “บ้านใหญ่” ยังถือว่ามีบทบาทนำในการชี้ขาดชัยชนะเกือบจะทั้งหมด
ยุทธศาสตร์ ตอกเสาเข็ม-สร้างนั่งร้าน ให้ ลูกอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่งเก้าอี้ยาวครบเทอม เรียกว่าประสบความสำเร็จพอควร และถ้า “นายกฯ ลูกอิ๊งค์” ยังไม่เบื่อเสียก่อน ก็พร้อมปูพรมแดงยาวออกไป ด้วยการสร้างสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม เพื่อหนุนส่งให้กลับมาเป็นนายกฯ ต่อในสมัยหน้า
ภาพ “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามเลือกตั้งท้องถิ่นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เรียกว่า เล่นใหญ่สุดตัว สวมบทบาทผู้ช่วยหาเสียง ปากจัด ปากกล้า สาดน้ำลายใส่คู่ต่อสู้ทางการเมืองอย่าง “พรรคประชาชน” อย่างดุเดือด พร้อมๆ ไปกับการจุดพลุอภิมหาโปรเจกต์ ดึงเงินนักลงทุนเข้าประเทศ สานต่อนโยบายการเติมเงินในกระเป๋าให้ประชาชน สยบภัยคุกคามจากยาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ล้วนเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรม และประชาชนรู้สึกได้จริง เพื่อทวงบัลลังก์การเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งให้ได้ ด้วยการเริ่มจากยึดกุมกลไกการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นนี้ไว้ก่อน
เพราะมีส่วนสำคัญต่อชัยชนะในการเลือกตั้งสนามใหญ่ทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยการเริ่มที่ผลงานจากโครงการในระดับจังหวัดที่พรรคการเมืองต้องใช้มือไม้ หัวคะแนน ผู้นำชุมชน ในการสร้างผลงาน และนำไปใช้ต่อยอดโฆษณาหาเสียงได้ รวมไปถึงการ “ขอคะแนน” เมื่อตอนที่ต้องหย่อนบัตรเลือกตั้ง
นับเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานและภาคเหนือ ท่ามกลางจุดอ่อนของคู่แข่งอย่าง “พรรคประชาชน” ที่กำลังปรับหาจุดลงตัวระหว่างวิถีการเมืองแบบไทยๆ ที่ต้องใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และระบบอุปถัมภ์ ซึ่งพรรคปฏิเสธแนวทางนี้มาตลอด แต่ก็ยังใช้กลยุทธ์ขายนโยบายที่ส่งผลดีกับพื้นที่จริงๆ พร้อมตรึงกลยุทธ์ “ผู้ช่วยหาเสียง” ระดับดาราของพรรคลงมาช่วยอีกแรง
แต่ในสนามบ้านใหญ่ “ทักษิณ” ก็ยังต้องออกแรงอยู่ไม่น้อย เพราะต้องเจอกับพรรคสีน้ำเงินที่ก่อร่างสร้างเครือข่ายบ้านใหญ่เข้ามาไว้ในมือในช่วงที่ตัวเองหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ทำให้การปราศรัยในเวทีหลังๆ จึง “ฟาดงวงฟาดงา” ถึงพรรคร่วมรัฐบาล
ทั้งหมดทั้งมวลคือยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2570 ที่ต้องให้ได้มากกว่า 200 เสียงตามที่ได้ประกาศไว้ในเวทีหาเสียง
จากนี้ต่อไป “ทักษิณ” ยังต้องเป็นแม่งานรับมือแก้ไขปัญหาทุกหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อผ่านนโยบายที่ตั้งธงให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง เพราะหลายกระทรวงพรรคเพื่อไทยไม่ได้คุม ภายใต้ข้อแลกเปลี่ยนที่ต้องแฟร์และเป็นธรรม ไม่ใช่กินรวบทั้งเงินและทั้งกล่อง
มองกันว่า ก้าวต่อไปคือ การแก้โจทย์ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ “ทักษิณ” พูดในหลายเวทีว่า ตั้งเป้า “จีดีพี” จะสูงกว่าประมาณการของหน่วยงานราชการด้วยนโยบายภาครัฐ และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศ แต่เมื่อดูจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ถือได้ว่า “ตึง” สุดตัว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลหน่วยรับงบประมาณให้จัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาล ตลอดจนให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงินนอกงบประมาณ พิจารณานำเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้ และเงินสะสม มาใช้ในการดำเนินภารกิจเป็นลำดับแรก” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
นั่นทำให้การเดินหน้าโครงการ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ด้วยการให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปดูรายละเอียดให้ถูกต้อง โดยมีกรอบเวลาที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อนำร่างกฎหมายเข้าสู่สภา มีไทม์ไลน์เรื่องการประกวดราคา การประกาศผู้ชนะได้รับสิทธิ์ในการถือใบอนุญาตในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งน่าจะมีการจ่ายเงินก้อนแรกได้ในปี 2569
ตามมาด้วยอีกหลายโครงการที่เป็นอภิมหาโปรเจกต์ เช่น การดึง “เอไอฮับ” ในประเทศไทยที่เขาโฆษณาในการเวทีโชว์วิสัยทัศน์ว่ามีผู้สนใจมาลงทุนหลายราย รวมไปถึงโครงการถมทะเลบางขุนเทียน แก้ไขปัญหาน้ำท่วมกัดเซาะชายฝั่ง ด้วยการขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งใหญ่ ตามโมเดลประเทศ “ดูไบ” และการเจรจาในพื้นที่อ้างสิทธิไทย-กัมพูชา เพื่อนำเอาพลังงานขึ้นมาใช้ เปิดศักราช "โชติช่วงชัชวาล ซีรีส์ 2”
ท่ามกลางบรรยากาศความไม่ไว้วางใจในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ที่เป็นภาพจำติดตัวเขามาตลอด
รวมไปถึงปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ ความผันผวนจากนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศอำนาจ ที่เขาเลือกที่จะเล่นบทบาทนำด้วยการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในฐานะของนักธุรกิจ ในการจับมือกับประเทศอาเซียนให้เดินเกมรับมือพายุหมุนระดับโลกครั้งนี้
ยังไม่นับความพยายามในการสร้างโมเดลเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าบริเวณพื้นที่ชายแดน ที่รายล้อมไปด้วยทุนสีเทา อาชญากรรมข้ามชาติ ที่ดูดกลืนทรัพยากร ทรัพย์สินของคนไทยไปจำนวนมหาศาล ซึ่งอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะมีปัจจัย เงื่อนไขที่ซับซ้อน เกี่ยวข้องกับหลายตัวแปร
ทั้งหมดนั้นถือเป็น “โจทย์” ที่เขา ทุ่มสุดตัวเพื่อแสดงให้เห็นว่า ทำได้-ทำถึง จะได้ไปคุยกับพระเจ้ารู้เรื่อง
จึงจำเป็นที่ต้องกุมอำนาจรัฐอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งจำนวน สส. รวมไปถึงคะแนนนิยมจากความพึงพอใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
เพราะยังไม่รู้ในอนาคต กลไกในองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมจะส่งสัญญาณทางบวกเหมือนเช่นปัจจุบันหรือไม่
ยิ่งตัวแปรที่เกิดจากข้อกล่าวหา ข้อร้องเรียนไล่คดีที่เกี่ยวพันกับ “ทักษิณ” ตั้งแต่ ป่วยทิพย์ ชั้น 14 ที่ยังไม่จบ แม้ตอนนี้ผู้ปฏิบัติอาจจะกลายเป็นผู้ต้องตอบคำถามไปเต็มๆ แต่ความไม่ชัดเจนในเรื่องดังกล่าวก็ยังไล่ล่า “ทักษิณ” ต่อไป ยังไม่นับรวมคดีตามความผิดมาตรา 112 ที่อยู่ในชั้นอัยการ ต้องมีการนัดสืบอีกหลายยก
รวมไปถึงกรณีของนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ถือครองหุ้นบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด แม้จะมีเอกสารว่าได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท วันที่ 15 ส.ค.67 แต่ยังมีข้อสงสัยว่าทำเอกสารย้อนหลังก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยขณะนี้เรื่องยังค้างอยู่ที่ กกต.
หรือล่าสุดกรณีที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการแสดงทรัพย์สินหลายรายการ โดยเฉพาะการกู้ยืมของคู่สมรสที่ให้บริษัท วินน์ แคปปิตอล จำกัด กู้ยืมจำนวน 8 รายการ โดยเกิดขึ้นระหว่างปี 2564-2565 รวมเป็นเงิน 12,770,000 บาท และมีการแจ้งรายได้ดอกเบี้ย 383,100 บาท ถูกต้องสัมพันธ์กันกับข้อมูลของบริษัท วินน์ แคปปิตอล จำกัด หรือไม่
และยังมีอีกหลายกรณีที่เหล่าบรรดา “นักร้อง” ต่างทยอยไปยื่นต่อองค์กรอิสระ กลายเป็นระเบิดเวลาที่ฝังอยู่หลายที่ และสามารถหยิบยกขึ้นมา “เช็กบิล” ต่อยอดไปได้ทุกเมื่อหาก กระแสตก-บารมีต่ำ-อำนาจทรุด
การเดินของทักษิณในขณะนี้จึงเป็นยุทธศาสตร์ “ไม่มีทางเลือก” เพราะถือเป็นโอกาสสุดท้ายของ “ชินวัตร” ว่าจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ ทำให้การเดิมพันตั้งแต่ก้าวแรกและก้าวต่อไปค่อนข้างสูง
และน่าจะเป็นเดิมพันครั้งสุดท้ายที่ทักษิณไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
โอนเงินเยียวยาน้ำท่วม สำเร็จแล้ว 4.9 พันล้าน 5 แสนครัวเรือน
'ภราดร' เผยยอดโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ช่วง 1-4 ธ.ค. โอนสำเร็จแล้ว 548,126 ครัวเรือน วงเงินรวม 4.9 พันล้านบาท
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'
นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568


