อนุทิน-พิพัฒน์-รุทธพล คุม มหาดไทย-คมนาคม-ยุติธรรม 'เขากระโดง' จบแบบไหน?

ครม. "อนุทิน ชาญวีรกูล" จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ในวันพุธที่ 24 ก.ย. จากนั้นรัฐบาลมีคิวแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาสัปดาห์หน้า และเมื่อแถลงนโยบายเสร็จสิ้น ทำให้รัฐบาลเข้าบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเป็นทางการโดยทันที

ในการเป็นรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ประเด็นที่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง รวมถึงคนในสังคมจับตากันอย่างมาก เห็นได้ชัดเจนว่ามีอยู่ 2 เรื่องคือ "เขากระโดง-บุรีรัมย์" และ "การสอบสวนคดีฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือคดีฮั้ว สว." ที่หลายฝ่ายจับตากันว่า เมื่ออนุทิน-ภูมิใจไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล คุมอำนาจรัฐ จะทำให้ทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ที่โยงถึงแกนนำพรรคภูมิใจไทยโดยตรงแม้แต่กับอนุทิน-นายกฯ สุดท้ายเรื่องจะเงียบ คดีจะพลิกหรือไม่?

วันนี้มันเห็นชัด ทั้ง 2 เรื่องเป็นเสมือน ชนักติดหลังทางการเมือง ที่มีจังหวะเปิดช่องเมื่อไหร่ ฝ่ายตรงข้ามจะหยิบขึ้นมาทิ่มแทงอนุทิน-ภูมิใจไทยตลอด และคงจะเพิ่มดีกรีความหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้ เพราะคงเห็นว่า คือประเด็นที่จะนำไปดิสเครดิตการเมืองรัฐบาล-อนุทิน-ภูมิใจไทยได้ เป็นไปได้ว่าเวที แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย-พรรคประชาชาติ คงใช้เวทีดังกล่าวหาช่องลากเอา 2 เรื่องนี้เข้าไปอภิปรายเปิดแผลอนุทิน-ภูมิใจไทยกลางห้องประชุมรัฐสภา ถึงต่อให้จะถูก สส.ภูมิใจไทยประท้วงว่าเป็นเวทีแถลงนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ดูได้จากขนาดตอนโหวตนายกฯ เมื่อ 5 ก.ย. ในช่วงไม่กี่นาทีก่อนขั้วอำนาจเก่า-พรรคร่วมรัฐบาลเดิมกำลังจะสิ้นอำนาจ ยังมีการเอาคดีฮั้ว สว.กับเขากระโดงขึ้นมาโจมตีอนุทินกลางสภาฯ

อย่างปมเขากระโดง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม-หัวหน้าพรรคประชาชาติ ก็อภิปรายในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า “การตรวจสอบข้อเท็จจริง ท่านไม่รักษาทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน โดยเฉพาะกรณีที่ดินเขากระโดง ซึ่งผิดจริยธรรม ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม สิ่งที่เราปรากฏชัดคือ หลักฐานหนังสือมอบอำนาจ ปรากฏว่า ท่านอยู่บ้านเดียวกับนายเนวิน ชิดชอบ ที่สำคัญท่านเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และได้ก่อสร้างสาขาพรรค ในที่ดินโฉนดที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลระหว่างที่นายอนุทินเป็นรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่ดินแห่งนี้ถูกศาลวินิจฉัยเป็นที่สิ้นสุดแล้ว” พ.ต.อ.ทวีระบุ ท่ามกลางการประท้วงของ สส.ภูมิใจไทยในวันดังกล่าว

น่าติดตามว่าในปมเรื่องเขากระโดง รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะหาข้อยุติ-บทสรุปจบภายในอายุของรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะหากยังเคลียร์กันไม่ได้ ก็ต้องถูกพรรคการเมืองบางพรรคหยิบยกไปเป็นประเด็นหาเสียงโจมตีอนุทิน-ภูมิใจไทยตอนช่วงเลือกตั้ง

โดยเมื่อดูจากรายชื่อรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับวงงานการหาทางออกปมเขากระโดง จะพบว่าล้วนเป็นรัฐมนตรีของภูมิใจไทยทั้งสิ้น

ไล่ตั้งแต่ กระทรวงมหาดไทย ก็มีอนุทินเป็นนายกฯ ควบ รมว.มหาดไทย ซึ่งต่อให้เซ็นมอบงาน กรมที่ดิน ที่เกี่ยวข้องกับการเพิกถอนเอกสารสิทธิ อนุทินไม่ดูเอง แต่ให้รัฐมนตรีช่วยไปรับผิดชอบแทน เพื่อป้องกันการตกเป็นเป้า อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า รมช.มหาดไทย ก็ล้วนเป็นโควตา-คนของพรรคสีน้ำเงิน ไม่ว่าจะเป็น ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มท. อดีต สส.บุรีรัมย์หลายสมัย เครือญาติห่างๆ กับเนวิน ชิดชอบ, ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มท. อดีต สส.กาญจนบุรี เพื่อไทย ที่ย้ายมาภูมิใจไทยแล้ว และส่งลูกสาวลงสมัครเลือกตั้งซ่อม สส.กาญจนบุรีแทนตนเองในสังกัดพรรคภูมิใจไทย และ นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รมช.มท. อีกคน ก็เป็น รมช.มหาดไทย ในโควตากลุ่มอันดามัน-กระบี่ ภูมิใจไทย ดังนั้นไม่ว่า รมช.มท.คนใดคุมกรมที่ดิน ก็ต้องถูกจับตามองอย่างมากว่าจะมีท่าทีต่อเรื่องเขากระโดงอย่างไร

เช่นเดียวกับ กระทรวงคมนาคม ที่มีหน่วยงานในสังกัดคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ตัดสินว่าที่ดินเขากระโดงที่เคยมีการฟ้องร้องกัน ระหว่าง รฟท.กับราษฎร 35 ราย ศาลฎีกาตัดสินว่าที่ดินเขากระโดงดังกล่าวเป็นของ รฟท. ทำให้ รฟท.เลยพยายามทวงคืนที่ดินอีก 5, 000 กว่าไร่ ที่อยู่ในการครอบครองของราษฎรอีก 995 ราย เพื่อให้ย้ายออกไปและเอาที่ดินกลับคืนมา ก็พบว่า รมว.คมนาคม ไม่ใช่ใครที่ไหน รุ่นใหญ่พรรคสีน้ำเงิน พิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่รอบนี้ผงาดเป็นรองนายกฯ ควบ รมว.คมนาคม และตอนนี้กำลังฟอร์มสด เพราะมีบทบาทสำคัญในภูมิใจไทยกับการวางแผนเลือกตั้งให้พรรค ภท.เป็นแชมป์การเลือกตั้ง สส.เขตภาคใต้ด้วยการเล่นบทมือประสานสิบทิศ ดึงบ้านใหญ่ภาคใต้หลายจังหวัด-สส.ภาคใต้หลายพรรคให้เข้า ภท. อีกทั้ง รมช.คมนาคมก็เป็นคนของ ภท.คือ มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช สส.ลพบุรี ภูมิใจไทย จากบ้านใหญ่เมืองละโว้ ดังนั้นหาก รฟท.ผ่อนคันเร่งปมเขากระโดง ไม่ทำเหมือนสมัยสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จากเพื่อไทย เป็น รมว.คมนาคม ตัวพิพัฒน์คงไม่พ้นโดนมองว่า ไปสั่งให้ รฟท.เกียร์ว่างหรือไม่?

รวมถึง กระทรวงยุติธรรม ที่มีหน่วยงานในสังกัดคือ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” หรือดีเอสไอ ตัว รมว.ยุติธรรมก็คือ พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ที่ไต่เต้า-เติบโตในชีวิตราชการตำรวจที่บุรีรัมย์มาตั้งแต่เป็นสารวัตรสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ จนขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนเกษียณในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ความเป็นสายตรงของบ้านใหญ่บุรีรัมย์ตระกูล ชิดชอบ จึงได้รับแรงดันให้เข้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม

ทำให้ต้องดูกันว่า จากที่ก่อนหน้านี้ดีเอสไอเข้ามาร่วมวงเรื่องเขากระโดง ด้วยการให้ รฟท.เข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องเขากระโดงเพื่อให้ดีเอสไอเข้าไปสอบสวนการได้มาซึ่งที่ดินเขากระโดง เพื่อหวังเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการออกและครอบครองเอกสารสิทธิพื้นที่เขากระโดง จนถูกมองว่าต้องการทุบไปที่ตระกูลชิดชอบ อันเป็นเรื่องที่ดีเอสไอทำในช่วงท้ายๆ ก่อน พ.ต.อ.ทวีจะพ้นจาก รมว.ยุติธรรม แต่เมื่อ พล.ต.ต.รุทธพลเข้าไปบัญชาการที่ ก.ยุติธรรมเต็มตัว เรื่องเขากระโดง ดีเอสไอจะลุยต่อหรือจะยุติเรื่อง-เก็บเข้าลิ้นชัก ซึ่งหากยุติเรื่อง ยังไง ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลต้องโยงว่า พล.ต.ต.รุทธพลเข้าแทรกแซงดีเอสไอ

เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้ทางออก-ข้อยุติปมเขากระโดงที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นเรื่องที่โยงถึงแกนนำภูมิใจไทยโดยตรง เพราะตระกูลชิดชอบปัจจุบันก็มี ไชยชนก ชิดชอบ ลูกเนวินเป็น รมว.ดีอีเอส เรื่องเขากระโดงจึงอ่อนไหวและแหลมคมยิ่งต่อสถานะ ความเป็นไปของรัฐบาลภูมิใจไทยต่อจากนี้. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ

โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ

ภาพเก่าถูกยกมาปั่น! เกมเบี่ยงศึกสแกมเมอร์หมื่นล้านในยุคอนุทิน

วันที่ภาพเก่าหลายเฟรมของ “เบน สมิธ” ถูกดันกลับขึ้นมาในโซเชียล คือวันเดียวกับที่ ปปง. แถลง ยึด-อายัดทรัพย์ 289 รายการ มูลค่ากว่า 10,165 ล้านบา