เปิดวิสามัญเดินหน้าแก้รธน. ปลดล็อกเงื่อนไขซักฟอกนายกฯ แต่'ธรรมนัส'ยังโดนล็อกเป้า

จากเงื่อนไขการเมืองสองข้อที่ พรรคประชาชน ซึ่งสนับสนุนให้อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าพร้อมจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี-รัฐบาลทันทีหากอนุทินไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขสองข้อคือ

หนึ่ง หลัง 31 มกราคม 2569 ยังไม่มีการยุบสภา

และสอง หากไม่มีการทำเรื่องขอให้มีการเปิดประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ก่อนการเปิดประชุมอย่างเป็นทางการ 12 ธ.ค.2569

พบว่าจนถึงขณะนี้ อนุทิน-พรรคภูมิใจไทย แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะให้มีการเปิดประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญในช่วง 8-10 ธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ วาระสอง ตามร่างที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐสภา เพื่อที่เมื่อผ่านการพิจารณาร่างแก้ไข รธน.วาระสองแล้ว หลังจากนั้นต้องพักไว้เป็นเวลา 15 วัน ถึงจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตในวาระสาม ที่ไทม์ไลน์ก็จะตรงกับช่วงสิ้นปี 2568 ตามที่พรรคประชาชนต้องการคือให้รัฐสภาผ่านร่างแก้ไข รธน.วาระสามก่อนปีใหม่

เมื่อเป็นแบบนี้จึงทำให้เงื่อนไขที่พรรคประชาชนจะยื่นซักฟอกอนุทินถูกปลดล็อกไปแล้วหนึ่งเรื่อง           

แม้จะต้องไปคอยดูกันอีกว่าสุดท้ายแล้วร่างแก้ไข รธน.ที่จะให้มีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาที่จะต้องได้เสียงเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภา หนึ่งในสามของจำนวน สว.ด้วย จนผ่านวาระสามหรือไม่ ซึ่งก็ต้องไปดูสถานการณ์หน้างานในช่วงก่อนการโหวตวาระสามต่อไป โดยเฉพาะท่าทีของ สว.สีน้ำเงินที่คุมเสียงในสภาสูงร่วม 130 เสียง ว่าสุดท้ายจะยอมโหวตผ่านหรือไม่

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภา ที่มีตัวแทนจากพรรคการเมืองทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้านและ สว. จะพบว่าช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะการพิจารณาในประเด็นสำคัญอย่างเรื่องที่มาของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ฝ่าย กมธ.พยายามประนีประนอมเพื่อให้กระบวนการได้มาซึ่งกรรมการทั้ง 35 คน ออกมาแล้วเป็นที่ยอมรับได้มากที่สุด ภายใต้หลักคือให้อยู่ภายใต้ความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยมีความเห็นก่อนหน้านี้ ว่าประชาชนไม่สามารถเลือกผู้มายกร่าง รธน.ได้โดยตรง เพื่อที่ว่าจะได้ไม่เกิดกรณีมีคนไปยื่นคำร้องต่อศาล รธน.ในภายหลัง ทำให้เสียเวลาเปล่า จนสุดท้ายเกิดสูตรให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน มาจากการสมัครของประชาชน ผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง 

จากนั้นให้ส่งรายชื่อให้รัฐสภาคัดเลือก ซึ่งกระบวนการเลือกโดยรัฐสภาใช้สูตรคือ 20 หยิบ 1 คือให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่ม กลุ่มละ 20 คน เพื่อเสนอชื่อ กมธ. 1 คน ที่ก็จะได้ 35 ชื่อเข้าไปเป็นกรรมาธิการยกร่าง รธน.

แต่สุดท้ายร่างแก้ไข รธน.จะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาในวาระสามได้หรือไม่ รอดูสถานการณ์ในช่วงกลางเดือนธันวาคมอีกรอบ

เมื่อเรื่องการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญมีความชัดเจนแล้วว่าเกิดขึ้นแน่ ก็ทำให้เงื่อนไขที่พรรคประชาชนเคยบอกว่าจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือรัฐบาล ถูกปลดชนวนออกไปได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในรูปแบบการซักฟอกรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ยังต้องรอดูสถานการณ์หน้างานช่วงหลังเปิดสภา 12 ธ.ค.อีกครั้งหนึ่ง ว่าสุดท้ายสองพรรคแกนนำฝ่ายค้าน คือ ประชาชน-เพื่อไทย จะเอาอย่างไร

เพราะจนถึงขณะนี้ เห็นชัดว่าพรรคประชาชนยังไม่ลดดีกรีในการตรวจสอบเรื่อง ทุนเทา ที่โยงถึง "เครือข่ายการเมือง-พรรคการเมือง” ที่ฝ่ายพรรคประชาชนบอกว่าเชื่อมโยงไปถึงคนในพรรคร่วมรัฐบาล-คณะรัฐมนตรี โดยนอกจากการ์ดไม่ตกแล้ว ดูเหมือนยิ่งเพิ่มดีกรีความเข้มข้นในการลุยตรวจสอบหนักขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ ที่ก็เห็นชัดว่าพุ่งเป้าไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม

หลังสถานการณ์ดูจะเป็นใจและเข้าทางพรรคประชาชน จากกรณีเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ออกมาให้ข้อมูลว่า หลังจากสืบสวนขยายผลและบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้รวบรวมพยานหลักฐานของกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 3 เว็บไซต์ และเว็บไซต์การพนันออนไลน์อื่นๆ พบเส้นทางการเงินของบุคคลที่มีพฤติการณ์กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม กับพวก

คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีดังกล่าวไว้ชั่วคราวไม่เกิน 90 วัน ซึ่งมีทั้งเงินสด รถยนต์ ที่ดิน เงินและหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมจำนวน 69 รายการ มูลค่าประมาณ 159 ล้านบาท

และเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน ตัวแทนของสำนักงาน ปปง ไปให้ข้อมูลกลางที่ประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ที่มีการพิจารณาเรื่องเส้นเงินจากเว็บพนันออนไลน์

ทางตัวแทนสำนักงาน ปปง.ชี้แจงต่อที่ประชุม กมธ.ว่า จากการสอบสวนพบว่ามีเว็บจิมิ 88 และเว็บจิมิ 44 มีการชักชวนให้มีการเล่นการพนันและได้จริง ซึ่งจากคำให้การ นายชนนพัฒฐ์เป็นเจ้าของเว็บไซต์และได้ผลประโยชน์ มีการกดเงินสดจากเว็บพนันแล้วนำไปมอบให้นายชนนพัฒฐ์ ซึ่งนายชนนพัฒฐ์เป็นผู้ดูแลและจัดการผลประโยชน์ โดยได้ทำธุกรรมทางการเงินร่วมกับกลุ่มผู้ต้องหา จึงไม่น่าเชื่อว่าเป็นการทำธุรกรรมในลักษณะของผู้เล่น แต่เป็นผู้รับประโยชน์ ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บ จากการตรวจสอบพบทรัพย์สินเบื้องต้น รถ 1 รายการ เงินสด 1 รายการ เงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และหน่วยลงทุน 6 รายการ และยังมีที่ดิน ห้องชุด 61 รายการ รวมทั้งสิ้น 69 รายการ แบ่งเป็นของนายชนนพัฒฐ์ 9 รายการ 36 ล้านบาท และผู้ที่เกี่ยวข้อง 60 รายการ ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงมีมติให้ยึดอายัดทรัพย์ไว้ 69 รายการ ประมาณ 159 ล้านบาท

ซึ่งการที่ สส.พรรคกล้าธรรมโดน ปปง.อายัดทรัพย์เข้าไปแบบนี้ ยิ่งทำให้เข้าทางพรรคประชาชนในการนำไปขยายผลเพื่อไล่บี้ ร.อ.ธรรมนัสและพรรคกล้าธรรมให้หนักขึ้นไปอีก หลังที่ผ่านมาพรรคประชาชนก็เปิดศึกกับ ร.อ.ธรรมนัสและพรรคกล้าธรรมแบบเปิดหน้าแลกกันมาแล้ว

ยิ่งที่มาที่ไปของชนนพัฒฐ์ ก็ไม่ธรรมดา เพราะพบว่าก่อนจะมาเป็น สส.คือในช่วงปี 2565 ก็มีคดีเป็นชนักติดหลัง เพราะถูกตำรวจจับกุมพร้อมพวกที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ จนมีการสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4 คดี โดยบางคดีก็จบไปแล้ว เพราะมีการสั่งไม่ฟ้อง แต่บางคดีก็ยังไม่จบ เช่นคดีที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพราะมีรายงานว่า ทางตำรวจกับอัยการมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องการสั่งคดี ทำให้ต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดทำความเห็นชี้ขาดอยู่ในขณะนี้

ส่วนเส้นทางการเมืองของชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว พบว่าเข้าสู่การเมืองเต็มตัวในช่วงเลือกตั้งปี 2566 ลงสมัคร สส.ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่ต่อมาเมื่อ ร.อ.ธรรมนัสมีปัญหากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จนต่อมากลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสพากันแยกตัวออกจากพรรคพลังประชาชน มาตั้งพรรคกล้าธรรม ทำให้ชนนพัฒฐ์ก็ออกจากพลังประชารัฐไปอยู่กล้าธรรมกับลูกพี่ธรรมนัส โดยพ่วงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคกล้าธรรมด้วย อันแสดงให้เห็นแล้วว่าชื่อนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

ตรงนี้มันก็เข้าทางให้พรรคประชาชนนำเรื่องที่เกิดขึ้นกับชนนพัฒฐ์ สส.กล้าธรรม ไปขยายผลทางการเมือง เพื่อไล่บี้พรรคกล้าธรรม-ร.อ.ธรรมนัส เพื่อพยายามโยงไปถึงเรื่องทุนเทาต่อไป

ส่วนจะไปถึงขั้น หลังเปิดสภาแล้วจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ คงต้องรอดูอีกสักระยะ แต่ระหว่างนี้พรรคประชาชนก็พยายามเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อสุดท้ายมาชั่งน้ำหนักดูว่าข้อมูลที่มีสามารถนำไปสู่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัสได้หรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม พบว่าพรรคกล้าธรรมเองก็ไม่ยอมตกอยู่ในสถานะตั้งรับจนเสียรูปมวย เพราะหากไม่ทำอะไรเลยจะยิ่งทำให้เพลี่ยงพล้ำทางการเมือง

ล่าสุดก็ส่ง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ออกมาย้ำว่า กรณีของ สส.ชนนพัฒฐ์ ต้องตรวจสอบตามกฎหมายอย่างรอบด้าน และเจ้าตัวมีหน้าที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ผ่านกระบวนการยุติธรรม พรรคกล้าธรรมจะไม่แทรกแซง ไม่ปกป้อง และไม่ขัดขวางการตรวจสอบ ผิดก็ต้องรับผิด แต่ถ้าถูกก็ต้องคืนความเป็นธรรมให้เขาเช่นกัน

“วันนี้ในสภามี สส.หลายคน ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ที่เคยถูกศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์พิพากษาจำคุก แต่ยังดำรงตำแหน่งต่อ และบางท่านเหล่านั้นกลับเป็นผู้เรียกร้องเสียงดังที่สุดว่า สส.ชนนพัฒฐ์ ต้องลาออกทันที คำถามคือ…เรากำลังใช้มาตรฐานเดียวกันจริงหรือไม่? หลักการเดียวกันก็ควรถูกใช้กับทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะบางฝ่ายเท่านั้น...ถ้าเราจะเรียกร้องให้คนอื่นลาออก เราก็ควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับตัวเองเช่นกัน สังคมไทยอยู่กับ 'สองมาตรฐาน' มานานพอแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่อง 'เอ็งชั่ว-ข้าเลว'...ก่อนจะกวาดบ้านให้คนอื่น เราต้องกวาดบ้านของตัวเองให้สะอาดก่อนเสมอ”

ประเมินจากสถานการณ์เวลานี้ แม้ยังไม่ชัดว่าฝ่ายค้านจะยื่นซักฟอกหลังเปิดสภา 12 ธ.ค.นี้หรือไม่ แต่ชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส โดนล็อกเป้าจากพรรคประชาชนแล้วว่า หากข้อมูลแน่น จังหวะลงตัว ต้องลากไปขึ้นเขียงซักฟอกให้ได้!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ

โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ

สส.ปชน. เรียกร้องรัฐบาลเยียวยาน้ำท่วมภาคกลางให้มีมาตรฐานเดียวกับภาคใต้

"เต้ ทวิวงศ์​" จี้รัฐบาลอย่า 2 มาตรฐาน ช่วยน้ำท่วมใต้แล้ว หันมาช่วยน้ำท่วมภาคกลางด้วย บอก "ภราดร" ลองกลับมาถามคนอ่างทอง หากรอการเยียวยาเป็นลำดับถัดไปไหวหรือไม่ เหตุอยุธยาจมน้ำมา 4-5 เดือนแล้ว คนเสียชีวิตไปกว่า 20 ราย ชี้ ชาวบ้านต้องทำมาหากิน ควรมีมาตรการชดเชย-ช่วยเหลือเต็มรูปแบบเหมือนกัน