'กอบศักดิ์' ชี้ค่าเงินบาท ใกล้ถึงจุดอ่อนสุดในรอบ 5 ปี มีนัยยะต่อผู้ส่งออก นำเข้า

'กอบศักดิ์' เผยค่าเงินบาท ใกล้ถึงจุดอ่อนสุดในรอบ 5 ปี ผลจากการที่วัฎจักรเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวเร็วกว่าทุกคน ยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนได้อีกในระยะยาว ซึ่งจะมีนัยยะต่อไปยังผู้ส่งออก ผู้นำเข้าต่อไป

20 เม.ย.2565 - นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้

ค่าเงินบาท ใกล้ถึงจุดอ่อนสุดในรอบ 5 ปี !!!

วันต่อวัน เราคงคาดเดาทิศทางของค่าเงินไม่ได้

แต่ด้วย "ความแตกต่างของนโยบาย" ของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก
โดยเฉพาะระหว่างเฟด กับ ธนาคารกลางของสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน

ที่เป็นผลมาจากการที่วัฎจักรเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวเร็วกว่าทุกคน และความตึงตัวในระดับที่สูงอย่างไม่เป็นมาก่อนของตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งทำให้เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยก่อนประเทศอื่นๆ และกำลัง "จัดยาชุดที่แรงขึ้น"

ขณะที่ยุโรปยังรอเวลาไปอีกเล็กน้อยจนถึงไตรมาสสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นดอกเบี้ย ญี่ปุ่นพยายามปล่อยสภาพคล่องออกมา เพื่อกดดอกเบี้ยของตน และจีนอัดฉีดสภาพคล่อง ลดดอกเบี้ยเป็นระยะๆ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสู้กับวิกฤตอสังหาริมทรัพย์

ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นดัชนีค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ จากระดับ 95 เมื่อต้นปี ล่าสุดทะลุ 101 เรียบร้อย และมุ่งไปสู่ระดับ 104 ที่เคยแข็งสุดในช่วงที่เฟดทำ Quantitative Tightening หรือ QT ครั้งที่แล้ว

ล่าสุด ค่าเงินเยนได้อ่อนไปที่ 129.4 เยน/ดอลลาร์ ค่าเงินหยวนอ่อนลงไปแตะ 6.3966 ค่าเงินยูโรอ่อนไปที่ 1.0761 ดอลลาร์/ยูโร

ล่าสุด ได้เริ่มมีการพูดถึง Carry Trade ที่นักลงทุนนำเงินจากประเทศที่ดอกเบี้ยต่ำ ไปลงทุนในประเทศที่ดอกเบี้ยสูง คือ สหรัฐ กันอีกรอบ

จากความแตกต่างเชิงนโยบายดังกล่าวหมายความว่า แม้วันต่อวัน เราคงบอกไม่ได้ว่าค่าเงินจะขึ้นลงอย่างไร แต่สำหรับไทย ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนได้อีก ในระยะยาว (จากดอลลาร์ที่จะแข็งขึ้น) ซึ่งจะมีนัยยะต่อไปยังผู้ส่งออก ผู้นำเข้าต่อไป

#ท่องเศรษฐกิจกับดรกอบ #EconomicTurbulence2022

เพิ่มเพื่อน