
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ชื่นชมนำโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ต่อยอดโครงการโอทอป สร้างโอกาสสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยสู่ตลาดสากลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคง
27 เม.ย.2565 - นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามและชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้นำแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ไปต่อยอดการพัฒนาเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากผู้ประกอบการในชุมชนต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น หวังเป็นการพัฒนายกระดับเศรษฐกิจฐานรากของไทยให้สามารถออกสู่ตลาดสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโครงการพัฒนาและส่งเสริมสินค้า OTOP สู่ตลาดสากล “โอทอปพรีเมียมโกอินเตอร์ (OTOP Premium Go Inter)” ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำเป็นไปตามแนวทางที่นายกฯ ให้ความสำคัญ
“รัฐบาลมีความยินดีที่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เป็นแกนหลักในการดำเนินงานเพื่อสร้างความยั่งยืนในตลาดสากลภายใต้การใช้ประโยชน์จากโอกาส สิ่งของ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องถิ่น สู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ที่นานาประเทศกำลังให้ความสำคัญ”
นายธนกรกล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้โลกเน้นการผลิตสินค้าที่เกิดคาร์บอนต่ำและไม่เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนนี้ถือเป็นโอกาสในการผลักดันสินค้าระดับท้องถิ่นไทยให้สามารถเป็นส่วนหนึ่งในตลาดนานาชาติได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลสนับสนุนการผลักดันให้สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP (One Tambon One Product) มีส่วนในการขยายโอกาสแก่ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและมีศักยภาพสูงด้านการแข่งขันให้ง่ายต่อการเข้าถึงองค์ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองและธุรกิจ เข้าถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกหรือให้คุณประโยชน์ด้านการผลิตและการบริการ อีกทั้งเพื่อแสวงหาแหล่งทุนและตลาดการค้า ต่อยอดผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาชุมชนให้เป็นที่รู้จักและเกิดการบริโภค เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกฯ เชื่อมั่นและชื่นชมศักยภาพของคนไทยทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเองและชุมชนได้ โดยได้สั่งการเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันในการเสริมสร้างศักยภาพด้านการแข่งขัน การควบคุมมาตรฐานสินค้า รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์เผยแพร่องค์ความรู้ ประสบการณ์ คำแนะนำ และโอกาสอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนา ต่อยอด และเพิ่มโอกาสการสร้างพื้นที่ทางการตลาดสินค้าภูมิปัญญาชุมชนของผู้ประกอบการธุรกิจทั้งในระดับประเทศและในระดับสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นคง ทั้งนี้ นายกฯ ขอบคุณทุกฝ่ายในการร่วมชูโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG อย่างต่อเนื่อง และหวังให้การสนับสนุนสินค้า OTOP ในครั้งนี้ เป็นความสำเร็จในการการดำเนินงานเสริมสร้างและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยด้วยแนวด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมต่างๆ ของโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่มสินค้า OTOP สู่ตลาดสากล ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/otopgointer/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'
นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ


