
กกพ.เร่งทบทวนแนวทางปรับเพิ่มค่าเอฟที งวดเดือน ก.ย.- ธ.ค. 2565 หลังจากการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3 แนวทาง หวังลดภาระการแบกรับต้นทุนของ กฟผ. ที่เกือบทะลุแสนล้านบาท
20 ก.ค. 2565 – นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เปิดเผยว่า กกพ.อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวน และปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ก.ย.- ธ.ค. 2565 หลังจากการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประกอบการพิจารณาตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. – 25 ก.ค. 2565 เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่เป็นตัวแปรสำคัญในการพิจารณาค่าเอฟทีมีความผันผวน เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และรุนแรง จึงได้จัดทำกรณีศึกษา 3 แนวทาง เพื่อรับฟังความเห็น และนำข้อสรุปให้บอร์ด กกพ. พิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย คาดว่าจะมีการประชุมบอร์ดวันที่ 27 ก.ค. นี้ และประกาศค่าเอฟทีงวดใหม่อย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือน ก.ค.หรือต้นเดือน ส.ค.นี้
ทั้งนี้เหตุผลที่ค่าเอฟทีงวดใหม่มีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะต้นทุนค่าเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นำเข้าเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ยังมีแนวโน้มราคาแพงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565 จนถึงปัจจุบัน โดยราคา LNG นำเข้าตอนนี้พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนพุ่งสูงแตะระดับ 30 กว่าเหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียูแล้ว จากเดิมอยู่ที่ 20 กว่าเหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู รวมถึงภาระต้นทุนจากการอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องถือเป็นปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม
นอกจากนี้ ภาครัฐได้มีนโยบายให้กาฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เดินเครื่องด้วยน้ำมันอย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยลดปริมาณนำเข้าLNG จากตลาดจร(Spot) ที่มีราคาสูงกว่าราคาน้ำมันในการผลิตไฟฟ้า ร่วมกับการนำมาตรการทยอยปรับค่าเอฟทีเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้ใช้ไฟฟ้าในรอบเดือนม.ค. – เม.ย. 2565 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าค่าเอฟทีที่ กกพ.อนุมัติให้ 2 การไฟฟ้า นำไปเรียกเก็บค่าไฟฟ้ากับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ส่วนด้าน กฟผ. ยังคงแบกรับภาระค่าต้นทุนค่าเชื้อเพลิงแทนประชาชนตามแนวทางบริหารค่าไฟฟ้าตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่งวดเดือนก.ย. 2564 จนถึงปัจจุบันรวมแล้วเกือบ 1 แสนล้านบาท
นายคมกฤช กล่าวว่า สำหรับ 3 กรณีเพื่อรับฟังความเห็น ก่อนที่จะนำข้อสรุปให้บอร์ด กกพ.พิจารณา กรณีศึกษาที่ 1 ค่าเอฟทีขายปลีก ที่สะท้อนแนวโน้มต้นทุนประจำงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2565 จำนวน 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยเรียกเก็บเงินเพื่อชดเชยต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงในช่วงที่ผ่านมาบางส่วนจำนวน 45.70 สตางค์ต่อหน่วย ให้กับ กฟผ. เพื่อให้ได้รับเงินคืนครบภายใน 1 ปี โดยมีค่าเอฟทีเท่ากับ 139.13 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.17 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 28% โดย กฟผ.จะมีภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าของ กฟผ. ที่ต้องบริหารจัดการแทนประชาชนจำนวน 56,581 ล้านบาท
กรณีศึกษาที่ 2 ค่าเอฟทีขายปลีก ที่สะท้อนแนวโน้มต้นทุนประจำงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2565 จำนวน 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยเรียกเก็บเงินเพื่อชดเชยต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงในช่วงที่ผ่านมาบางส่วนจำนวน 22.85 สตางค์ต่อหน่วย ให้กับ กฟผ. เพื่อให้ได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี โดยมีค่าเอฟทีเท่ากับ 116.28 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.95 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 23% โดย กฟผ. จะมีภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าของ กฟผ. ที่ต้องบริหารจัดการแทนประชาชนจำนวน 69,796 ล้านบาท
และกรณีศึกษาที่ 3 ค่าเอฟทีขายปลีก ที่สะท้อนแนวโน้มต้นทุนประจำงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2565 เท่ากับ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.72 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 17% โดย กฟผ. จะต้องรับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าที่แทนประชาชนจำนวน 83,010 ล้านบาท
ส่วนข้อเสนอของ กฟผ. ค่าเอฟทีขายปลีก เดือน ก.ย. – ธ.ค. 2565 เท่ากับ 236.97 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.12 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 53% โดยจะทำให้กฟผ. ได้รับเงินที่รับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าที่แทนประชาชนทั้งหมดจำนวน 83,010 ล้านบาท คืนภายในเดือน ธ.ค. 2565 ซึ่งการพิจารณาต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง ผลกระทบค่าใช้จ่ายของประชาชน และความมั่นคงทางด้านไฟฟ้าในระยะยาวมาประกอบด้วย เพราะปัจจุบันนี้ กฟผ.ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเกือบแสนล้านบาทแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'กรณ์' โวยค่าไฟแพงมหาโหด อัดรัฐจงใจเข้าข้างนายทุนเอาเปรียบประชาชน
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้แก่
กกพ. เคาะเก็บค่าไฟฟ้างวด พ.ค.-ส.ค. จ่ายอัตราเดียวที่ 4.77 บาทต่อหน่วย
กกพ. เคาะขึ้นค่าเอฟที 98.27 สตางค์/หน่วย เหลือเก็บค่าไฟฟ้าอัตราเดียวทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ จ่ายที่ 4.77 บาทต่อหน่วย มีผลงวด พ.ค. - ส.ค. 66 ย้ำฟังเสียงประชาชน พร้อมได้พิจารณาหนังสือยืนยันจาก กฟผ. ถึงความเหมาะสมของอัตราค่าไฟเรียบร้อยแล้ว
'สุพัฒนพงษ์' ลั่นค่าไฟงวดใหม่ต้องเหลืออัตราเดียวและถูกกว่าเดิม
'สุพัฒนพงษ์' ลั่นค่าไฟงวดใหม่ ไม่ปรับขึ้น พร้อมหาแนวทางลดเหลืออัตราเดียว ตัดพ้อการส่งออกของประเทศไม่ดี กฟผ.อุ้มหนี้อีกแสนล้าน กกพ. เผยตามมติ กพช. คุมค่าไฟ งวดพ.ค.-ส.ค.ต่ำกว่า 5 บาทแน่นอน
ค่าไฟค้างเติ่ง! บิ๊กตู่เผยที่ประชุม กพช.ขอฟังความคิดเห็นรอบด้านก่อน
นายกฯ เผย ที่ประชุม กพช.ยังไม่เคาะปมค่าไฟ ขอฟังความคิดเห็นให้รอบคอบก่อน ยันจะไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนและสร้างภาระให้รัฐบาลใหม่ ปัดเทงบทิ้งทวน ชี้ค่าป่วยการ อสม.พรรคร่วมเป็นคนเสนอ