นายกฯ มั่นใจ ฟิทช์ เรตติ้งคงอันดับความน่าเชื่อถือไทยจะเพิ่มความเชื่อมั่นต่างชาติ หนุนนโยบายรัฐเร่งดึงบรรษัทข้ามชาติตั้งสำนักงานใหญ่รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาคน
01 ธ.ค.2565 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบจากกระทรวงการคลังถึงกรณีบริษัท ฟิทช์ เรตติ้ง (Fitch Ratings) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)
โดยการคงมุมมองความน่าเชื่อถือต่อประเทศไทยดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ปี 2565-66 จะเติบโต 3.3% และ 3.8% ตามลำดับซึ่งสูงกว่าระดับเฉลี่ยของกลุ่มประเทศที่มีความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน ภาคการคลังสาธารณะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ มีแนวโน้มการขาดดุลภาคการคลังลดลงอย่างต่อเนื่องลดลง สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ ขณะที่ภาคการเงินต่างประเทศก็มีความเข้มแข็งและยืดหยุ่น ทุนสำรองระหว่างประเทศเพียงพอและอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกฯ มั่นใจว่าความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพของประเทศไทยและนโยบายการบริหารความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นและให้ความสนใจที่จะลงทุนในไทย เห็นได้จากนักธุรกิจหลายคณะที่เดินทางมาพบนายกรัฐมนตรีทั้งจากสหรัฐฯ และยุโรป ในระยะนี้ต่างให้ความสนใจสอบถามถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนและโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่
รวมถึงจะการสนับสนุนแนวนโยบายที่รัฐบาลกำลังผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ โดยการให้สิทธิประโยชน์และอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อดึงบรรษัทข้ามชาติมาตั้งสำนักงานใหญ่ภูมิภาค (International Headquarters) ในประเทศไทย โดยจากที่ผ่านมามีหลายบริษัทเข้ามาตั้งแล้ว เช่น สำนักงานใหญ่ภูมิภาคอโกด้า แพลตฟอร์มรับจองโรงแรมทั่วโลก,บริษัท เอ็กซอน โมบิล, บริษัท บอมบาร์ดิเอร์ ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นอัลสตอม ประกอบธุรกิจการพัฒนาระบบรางของรถไฟฟ้า ซึ่งการเข้ามาของบริษัทเหล่านี้ได้ให้ประโยชน์กับไทยอย่างมากโดยเฉพาะการถ่ายทอดเทคโนยีและการพัฒนาทรัพยากรบุคคล
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เพื่อดึงดูดการเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ภูมิภาคในไทยมากขึ้นนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ปรับปรุงการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งในช่วงกลางเดือนธ.ค. นี้คณะอนุกรรมการแก้ไขอุปสรรคและอำนวยความสะดวกในการลงทุน ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงานเป็นประธาน จะประชุมร่วมกับ 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ), กรมสรรพากร, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการตั้งศูนย์ให้บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) แก่ต่างชาติจะเข้ามาติดต่อเรื่องการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ภูมิภาค ซึ่งจากปกติหากเข้ามาตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทยจะต้องขออนุญาตทั้ง 4 หน่วยงานก็ให้มาดำเนินการทุกขั้นตอน ณ จุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ นำ ครม.ดูงานศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904
นายกฯ นำ ครม. แต่งชุดจิตอาสาพระราชทาน ศึกษาดูงานหลักสูตรการฝึกปฏิบัติ และดูงานเศรษฐกิจพอเพียง ของศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904
'เศรษฐา' โนสนโนแคร์ควงสหายอ้วนกินข้าวเที่ยง 'ทักษิณ'
'เศรษฐา' ควง 'ภูมิธรรม' กินข้าวเที่ยงกับ 'ทักษิณ' โรงแรมย่านสุขุมวิท ท่ามกลางกระแสข่าวปรับ ครม.
14 พ.ค.ได้ลุ้น คกก.ค่าจ้างฯ ถกค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ
'คารม' ย้ำขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พิจารณาอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เผย 14 พ.ค.นี้ คกก.ค่าจ้างฯ เตรียมประชุมพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ
'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!
โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย
รัฐบาลโวแก้ปัญหาชาวบ้านร้องเรียนได้ถึง 75%
รัฐบาลทำจริง! แก้ไขปัญหาประชาชนแบบจับต้องได้ ไตรมาส 2 ปีงบ 67 ศูนย์บริการประชาชน 1111 แก้ปัญหาเสร็จสิ้นถึง 75%