'สรรพากร' ตั้งทีมต้อนแม่ค้าออนไลน์-อินฟลูเอ็นเซอร์เข้าระบบชี้ 4 เดือนรีดภาษีทะลุเป้า

“สรรพากร” ตั้งทีมต้อนแม่ค้าออนไลน์ไลฟ์สดขายของ-อินฟลูเอ็นเซอร์-ยูทูปเบอร์เข้าระบบภาษี ฟุ้งปีงบ 65 พรึ๊บ 2 แสนราย หนุนรายได้ภาษีโต พร้อมโชว์ผลการจัดเก็บรายได้ 4 เดือน สูงกว่าเป้าหมาย 6 หมื่นล้านบาท ชูภาษี VAT-นิติบุคคล มาแรง อานิสงส์เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวฟื้นหนุนเต็มพิกัด มั่นใจทั้งปีผลงานรีดภาษีฉลุยตามเป้าหมาย 2.2 ล้านล้านบาท

9 ก.พ. 2566 – นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมฯ ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี โดยเฉพาะปัจจุบันที่รูปแบบการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ธุรกิจเน้นระบบออนไลน์ ไลฟ์สดขายของโดยไม่ต้องมีหน้าร้านมากขึ้น การทำธุรกิจง่ายขึ้น รายได้ดีขึ้น ระบบการเสียภาษีและการจัดเก็บภาษีก็ต้องตามให้ทัน โดยกรมฯ ได้มีการตั้งกองสำรวจและติดตามธุรกิจนอกระบบ เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบคนหรือธุรกิจที่อยู่นอกระบบภาษีให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีอย่างถูก ซึ่งในปีงบประมาณ 2565 ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการในส่วนนี้เข้าสู่ระบบภาษีมากถึง 2 แสนราย

“กลุ่มธุรกิจนอกระบบที่เป็นเป้าหมายหลัก คือกลุ่มที่มีรายได้ค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันก็คือแม่ค้าออนไลน์ การไลฟ์สดขายของ อินฟลูเอ็นเซอร์ ยูทูปเบอร์ต่าง ๆ ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยทำให้รายได้ภาษีขยายตัวตามสิ่งที่ควรจะเป็น โดยหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมานั้นจะตรวจสอบและติดตามให้ธุรกิจนอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบอย่างถูกต้อง ซึ่งก็ยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง” นายลวรณ กล่าว
ขณะเดียวกัน กรมสรรพากรขอเชิญชวนให้ผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องจดทะเบียนภาษี VAT ให้เข้ามาจดทะเบียนให้ถูกต้อง โดยยืนยันว่าเรื่องภาษีไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว โดยกรมฯ พร้อมที่จะประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเสียภาษีตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ระบบ ไปจนถึงกระบวนการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่งทีผ่านมาก็ได้มีการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ให้สามารถทำได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

นายลวรณ กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2566 กรมฯ ได้รับเป้าหมายจัดเก็บรายได้ 2.2 ล้านล้านบาท โดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 65-ม.ค.66) เก็บได้เกินกว่าเป้าหมายถึง 6 หมื่นล้านบาท สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอานิสงส์จากจีนเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวและบริการของไทยเป็นอย่างมาก ทำให้มั่นในว่าการจัดเก็บรายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ รายได้จากภาษีที่มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน มาจาก 2 ประเภท คือ 1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และ 2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล จากเศรษฐกิจกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจให้สามารถกลับมามีกำไรและเสียภาษีได้มากขึ้น

“ภาพรวมการจัดเก็บภาษีนิติบุคคล และ VAT ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปีนี้ที่ VAT จากการบริโภคฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี ตามการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็ก ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ โดยเฉพาะธรุกิจโรงแรม ภัตราคาร ร้านอาหาร ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้เราอยากให้ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เพราะถือเป็นฐานภาษีในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมากรมฯ ก็ได้พยายามช่วยเหลือประคับประคองให้ธุรกิจสามารถอยู่ได้ โดยจากปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้เชื่อมั่นว่าการจัดเก็บภาษีในปีนี้คงไม่มีอะไรต้องกังวลมากนัก” นายลวรณ กล่าว