"กสิกรไทย" เร่งเครื่องดิจิทัล หนุนแพลตฟอร์มออนไลน์เติบโตก้าวกระโดด

22 มี.ค. 2566 -การตอบสนองความต้องการลูกค้าหรือผู้บริโภคโดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ นับว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หลายธุรกิจขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากผู้คนในยุคนี้ต้องการความสะดวกสบาย บริหารจัดการทุกอย่างแบบง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยเฉพาะ “โมบายแบงกิ้ง” ที่ต้องยอมรับว่ามีการใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าร้านค้าขนาดใหญ่หรือเล็กก็ต้องมีบริการที่รองรับการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้คนมีการใช้เงินสดกันน้อยลง แต่เลือกที่จะชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร

สำหรับ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ก็เติบโตเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่ายอดการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคารกสิกรไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพียงแค่ 6 เดือนหลังประกาศแผนผสานความเป็น “ชาเลนเจอร์แบงก์” เข้ามาในองค์กร เพื่อเปิดโอกาสให้คนจำนวนมากขึ้นสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารได้ โดยการทำให้บริการธนาคารเรียบง่ายขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ ก็มีผู้สมัครใช้งานแอป K PLUS เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

ลูกค้าใหม่ K PLUS พุ่งกว่า 1 ล้านคน

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมามีคนจำนวนมากกว่า 2 ล้านคนสมัครใช้งานแอป K PLUS ของเรา โดยในจำนวนนี้มีมากกว่า 1 ล้านคนเป็นผู้ที่เพิ่งใช้บริการธนาคารกสิกรไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งความนิยมแพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคารกสิกรไทยที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้ธนาคารกสิกรไทยเดินหน้าสู่การเป็นธนาคารดิจิทัลอย่างเต็มภาคภูมิ โดยปัจจุบันธุรกรรมของธนาคารกสิกรไทยเป็นธุรกรรมที่ทำผ่านระบบออนไลน์ถึง 98% อีกด้วย

โดยผลจากการเติบโตของธุรกรรมออนไลน์ดังกล่าว ทำให้ธนาคารกสิกรไทยสร้างสถิติใหม่ เป็นครั้งแรกที่ยอดเงินโอนผ่านแอป K PLUS มากกว่ายอดเงินโอนผ่านช่องทางอื่นๆ ทั้งหมดของธนาคารรวมกัน ทั้งการทำธุรกรรมที่สาขาธนาคาร เครื่องทำรายการอิเล็กทรอนิกส์ และตัวแทนธนาคาร ด้วยเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทย ทำให้คนจำนวนมากขึ้นได้รับประโยชน์จากบริการธนาคาร ในแต่ละชั่วโมงมีจำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 1 ล้านรายการต่อชั่วโมง แน่นอนว่าย่อมส่งผลให้ยอดเงินที่เป็นการทำธุรกรรมผ่านแอป K PLUS เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมียอดเงินสูงเกือบ 10 ล้านล้านบาทในปี 2565 การเติบโตดังกล่าวยังช่วยตอกย้ำ ความเป็นผู้นำของธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารดิจิทัลอันดับหนึ่งของไทย”

จะเห็นได้ว่า จากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทำให้ธนาคารมีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ตามไปด้วย ที่จะต้องก้าวล้ำไปข้างหน้ากับเทคโนโลยีต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการธนาคารได้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยระบบที่มีเสถียรภาพสูง นั่นเพราะวิสัยทัศน์ของธนาคารกสิกรไทยมองไปไกลเกินกว่าขอบเขตประเทศไทย โดยเป้าหมายคือการก้าวเป็นผู้นำการให้บริการธนาคารดิจิทัลระดับภูมิภาค”

ยอดปล่อยสินเชื่อ LINE BK พุ่ง

ธนาคารกสิกรไทยเปิดเผยว่า ในช่วงปี 2565 ได้มีการจับมือกับ LINE เพื่อให้บริการธนาคารผ่านทางโซเชียลมีเดีย มีการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมากกว่า 1.4 ล้านราย และ ณ สิ้นปี 2565 มียอดสินเชื่อปล่อยกู้ผ่าน LINE BK กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท โดยจำนวนมากเป็นการให้กู้ยืมแก่ลูกค้าที่ไม่มีรายได้ประจำหรือไม่มีเงินเดือนประจำ เช่น คนทำงานอิสระและผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยอื่นๆ

“เนื่องจากคนที่ประกอบอาชีพเหล่านี้มักจะไม่มีรายได้ประจำ หรือไม่มีสลิปเงินเดือน จึงทำให้พวกเขามีความยากลำบากในการได้รับอนุมัติเงินกู้จากธนาคาร เพื่อที่จะเอามาช่วยเหลือตัวเองในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่มาเป็นครั้งเป็นคราว และบ่อยครั้งก็ทำให้เขาต้องหันไปหาเงินกู้นอกระบบ” นางสาวขัตติยากล่าว

ทั้งนี้ LINE BK ในฐานะผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการธนาคารผ่านโซเชียลมีเดียเพียงรายเดียวของไทย มีบทบาทสำคัญในการทำให้เป้าหมายของธนาคารกสิกรไทยในการผสานความเป็นชาเลนเจอร์แบงก์เข้ามาในองค์กรประสบความสำเร็จ เนื่องจาก LINE BK ช่วยให้คนไทยที่ยังเข้าไม่ถึงบริการธนาคารหรือเข้าถึงได้ยากสามารถเข้าถึงบริการธนาคารได้ แม้จะเป็นผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารก็สามารถสมัครขอสินเชื่อผ่าน LINE BK ได้ โดยจะทราบผลการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อภายใน 24 ชั่วโมง บริการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้ให้บริการอิสระ และเจ้าของแผงค้าขายขนาดเล็ก อีกทั้งยังเป็นก้าวแรกที่นำคนเหล่านี้เข้าสู่ระบบธนาคาร ทำให้มีประวัติเครดิต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยับขยายกิจการในอนาคตของพวกเขาได้ด้วย

โดยเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ธนาคารกสิกรไทยได้ประกาศเดินหน้าโครงการเชิงกลยุทธ์ที่เรียกว่าการผสานความเป็น “ชาเลนเจอร์แบงก์” เข้ามาในองค์กร ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะขยายการเข้าถึงเงินกู้และบริการต่างๆ ของธนาคารให้กับคนไทยที่ยังเข้าไม่ถึงบริการธนาคารหรือเข้าถึงได้ยาก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 ล้านคน นับเป็นปรากฏการณ์ดิสรัปชันของวงการธนาคารที่มาท้าทายธนาคารหลักต่างๆ ในหลายประเทศ ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อมและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือไม่มีรายได้ประจำ เวลาที่คนกลุ่มนี้ยื่นขอสินเชื่อ จะมีโอกาสได้รับการประเมินขีดความสามารถและประเมินความตั้งใจในการชำระคืนเงินกู้อย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยจะเป็นการหลอมรวมดีเอ็นเอของความเป็นชาเลนเจอร์แบงก์เข้าไปในแก่นของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ในฐานะธนาคารในยุคปัจจุบันที่ได้รับการยอมรับเชื่อถือในความสามารถในการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม โดยภายใต้โครงการดังกล่าวนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้จัดสรรงบประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยีในช่วงปี 2565-2567.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชป. ขย่ม 'เศรษฐา' มีแค่อำนาจทิพย์ ทำไทยไม่ติดอันดับประเทศน่าลงทุน

ปชป. จี้รัฐบาลเร่งแก้ไข หลังผลจัดอันดับ EIU ไทยไม่ติดประเทศน่าลงทุน เหตุไร้เสถียรภาพการเมือง 'เศรษฐา' มีแค่อำนาจทิพย์ โดน 'อดีต-อนาคต' นายกฯ ประกบตลอด

กระแสAFCฟุตซอล เอเชียนคัพ 2024 แฟนจองตั๋วออนไลน์เกมเปิดสนาม 17 เม.ย.นี้หมดเกลี้ยง

กระแสคลั่ง เอเอฟซี ฟุตซอล เอเชียนคัพ 2024 แฟนโซเชียลจองตั๋วออนไลน์เกมเปิดสนาม 17 เม.ย.นี้ บัตรราคา 200 บาท Sold Out หมดเกลี้ยง ฝ่ายจัดเตรียมแผนสำรองขาย

ไทยเฉยมาแรง! ไม่ยึดติดขั้วการเมือง เทใจให้ตามทิศผลประโยชน์

เปิดผลโพลความต้องการของประชาชน ต้องการเดินหน้าเงินดิจิทัล หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้อง ขณะการเมือง ไม่ยิดติด พร้อมหนุนกลุ่มทำดี มีผลประโยชน์