โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สนับสนุนสตาร์ทอัพไทยจนเห็นผลจากการจัดอันดับดัชนีระบบนิเวศทางสตาร์ทอัพโลกประจำปี 2566 ไทยที่ 4 อาเซียน และขยับสูงขึ้นกว่าปีก่อนเป็นอันดับที่ 74 ของโลก
21 มิ.ย.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดัชนีระบบนิเวศทางสตาร์ทอัพโลกประจำปี 2566 (Global Startup Ecosystem Index 2023) อยู่ในอันดับ 74 ของโลก อันดับที่ 4 ของอาเซียน โดยผลการจัดอันดับขยับขึ้นสูงกว่าปี 2565
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เว็บไซต์ StartupBlink ศูนย์กลางข้อมูลด้านระบบนิเวศสตาร์ทอัพทั่วโลก ได้จัดอันดับ 100 ประเทศ และ 1,000 เมือง ที่มีระบบนิเวศทางสตาร์ทอัพที่ดีที่สุดของโลกตั้งแต่ปี 2560 โดยผลการจัดอันดับ Global Startup Ecosystem Index 2023 ในปีนี้ประเทศไทยได้ลำดับที่ 52 ของประเทศที่มีระบบนิเวศทางสตาร์ทอัพที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว 1 อันดับ ถือเป็นอันดับ 4 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ (อันดับ 6) อินโดนีเซีย (อันดับ 41) และมาเลเซีย (อันดับ 43)
ในส่วนของการจัดอันดับ 1,000 เมือง ที่มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่ดีที่สุดในโลก กรุงเทพฯ สามารถขยับขึ้นมาจากปีก่อนถึง 25 อันดับมาเป็นอันดับที่ 74 ของโลก และเมื่อเทียบระหว่างเมืองในอาเซียน ในการจัดลำดับเฉพาะเมืองในเอเชีย กรุงเทพเป็นลำดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์ (อันดับ 20) จาการ์ตา (อันดับ 29) โดยสามารถรักษาปัจจัยด้านอุตสาหกรรมการขนส่งที่อันดับที่ 43 ของโลกไว้ได้ นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 จังหวัดของไทยที่ติดอันดับด้วย ได้แก่ เชียงใหม่ (อันดับ 591) ภูเก็ต (อันดับ 640) และพัทยา (อันดับที่ 849)
ทั้งนี้ StartupBlink ระบุว่า ประเทศไทยได้พัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้นตลอด 40 ปี ที่ผ่านมา ผ่านการปฏิรูป รวมทั้งสร้างนวัตกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยไทยไม่เพียงดึงดูดนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสามารถดึงดูดกลุ่ม Digital Nomad เข้ามาด้วย โดยเฉพาะในเชียงใหม่ และกรุงเทพฯ นอกจากนี้ การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภาครัฐให้ความสนใจกับการพัฒนาระบบนิเวศของสตาร์ทอัพมากขึ้น ในฐานะหัวใจสำคัญของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงมีนโยบายดึงดูดต่างชาติให้เข้ามาทำธุรกิจและลงทุนในไทย ผ่านโครงการ Elite Visa Smart Visa และ Long-Term Residents Visa รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง สามารถดึงดูดและช่วยสร้างระบบนิเวศที่ดีต่อการลงทุนจากต่างชาติได้
“นายกฯ ยินดีกับความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญ ดำเนินการสนับสนุน ช่วยเหลือ ธุรกิจสตาร์ทอัพ และ SMEs มาอย่างต่อเนื่อง มีส่วนช่วยพัฒนาระบบนิเวศและรองรับสตาร์ทอัพ รวมถึงดึงดูดนักลงทุนชาวต่างชาติ ให้สามารถดำเนินการด้านธุรกิจและการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนเห็นเป็นความสำเร็จด้วยการจัดอันดับดังกล่าว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่น สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุน แสวงหาแนวทางพัฒนาระบบนิเวศให้ทันสมัย และเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของสตาร์ทอัพไทยมากยิ่งขึ้น”นายอนุชากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร
รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย
นายกฯ นำ ครม.ดูงานศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904
นายกฯ นำ ครม. แต่งชุดจิตอาสาพระราชทาน ศึกษาดูงานหลักสูตรการฝึกปฏิบัติ และดูงานเศรษฐกิจพอเพียง ของศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904
'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!
โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย
'จักรพล' มาแรงเบียด 'จิรายุ' นั่งโฆษกรัฐบาล
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล
รัฐบาลโวปัญหาถนนพระราม 2 จบในยุคเศรษฐาแน่
นายกฯ ชื่นชมหน่วยงานรัฐ-เอกชน บูรณาการแก้ปัญหาจราจรพระราม 2 จนสัญจรคล่องตัวมากขึ้น