
“จตุพร” ระบุ ปปช. ตื่นลับมีดเชือดนักการเมืองฮุบที่ดินป่าสงวน วางคิวบี้ สส.- 3 รมต. ดีเดย์ล้างบางหลังแถลงนโยบาย เผยอดีตรอง ปธ.สภา- รมช.มท. พร้อมภรรยา ลามถึงนักการเมืองท้องถิ่นมีชื่อติดโผ ลั่นคดีล่าช้า พลัง ปชช.จะจัดการเอง ย้อนทบทวนฉากทัศน์การเมือง มั่นใจ ปชช.ถูกลวงหลอกให้หลงเชื่อขั้วการเมือง ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง
10 ก.ย. 2566 – เมื่อ 9 ก.ย. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ดูเป็นตอน ตอน” โดยทบทวนผลลัพธ์ของแต่ละเหตุการณ์ย้อนกลับไปหาเหตุที่เกิดขึ้น พบว่า ทุกฉากทัศน์การเมืองที่ผ่านมาล้วนเป็นความจริง และมีนักแสดงทางการเมือง แม้จะอยู่คนละพรรค แต่เป็นกลุ่มเดียวกันที่แสดงการสมคบคิดปลุกปั่น ลวงหลอกประชาชน
นายจตุพร กล่าวว่า การสอย รมต.นั้น บางเรื่องล่าช้าจนบ้านเมืองเกิดความเสียหาย ดังนั้น ขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) อยู่ในช่วงลับมีดรอประหารใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอดีตรองประธานสภาฯ นายก อบจ.ลำปาง นายกเทศมนตรี และมีชื่อภรรยา รมช.มหาดไทยจากเพื่อไทยติดโผด้วย รวมทั้งมีผู้ว่าราชการ 2 จังหวัด ตลอดจนหน่วยงานรัฐอีกหลายคน
อีกทั้ง กล่าวว่า จากนั้นคิวต่อเป็นนักการเมืองประมาณ 8-9 คน ในจำนวนนี้มีระดับ รมต. 3-4 คน ที่เหลือเป็น สส. พรรครัฐบาล ดังนั้นใครทำเรื่องอะไรไว้ ย่อมรู้กันดีที่สุดและรู้เรื่องอยู่ขั้นตอนไหนของ ปปช. โดยคาดประมาณ 15 วันหลังจากแถลงนโยบายอย่างน้อย 3 รมต. จะถูกจัดการ
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าต้องการจัดการทุจริตแล้วจะต้องลงมือตามรายชื่อที่มีอยู่ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวล่าช้ามานานแล้ว โดยก่อนหน้านี้กรณี รมต.วัฒนธรรม เห็นได้ชัดเจนถึงความล่าช้าจนต้องออกหมายจับใหม่ แสดงถึงกระบวนการยุติธรรมดองเรื่องไว้จนแทบจะหมดอายุความจึงส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีอาญา
“บางเรื่องที่เป็นกรณีเดียวกับนางปารีณา ไกรคุปต์ (อดีต สส.ราชบุรี) ถูกศาลตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตไปแล้ว แต่บางคนยังลอยหน้าลอยตาเป็น รมต.อยู่ก็มี ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวต้องรู้แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ผมพูดมา ไม่ได้ล่องลอยเลยหากทบทวนความเป็นมาอย่างช้าๆ ย่อมรับรู้ความจริงได้เป็นอย่างดี”
นายจตุพร ทบทวนตั้งแต่เกิดผลลัพธ์ย้อนไปหาเหตุของสถานการณ์ต่างๆว่า ตั้งแต่ปรากฎการณ์จุดแตกหักระหว่างตนกับทักษิณ ชินวัตร กรณีการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่ตนปูดผู้สมัครเพื่อไทยเกี่ยวข้องการคดีบอส กระทิงแดง จนวันนี้ ปปช.ยื่นคดีส่งฟ้องศาลดำเนินคดีทางอาญาแล้ว ย่อมเป็นใบเสร็จได้ชัดเจน แล้วนักการเมืองเพื่อไทยคนใดรับผิดชอบกับที่บิดเบือนให้ผิดเป็นถูกกันบ้าง
อีกทั้ง เห็นว่า ยังมีการใส่ความนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ. เชียงใหม่ ว่าย้ายขั้วสลับข้างไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ แต่เขาไม่ได้ไปไหน จนกระทั่งเพื่อไทยไปจับมือกับพลังประชารัฐ เขาจึงลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งผลลัพธ์ของความจริงเป็นเรื่องตรงข้ามกันเลย
พร้อมระบุว่า เวลาเอารูปถ่ายคู่ระหว่างนายบุญเลิศกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปใส่ความคนอื่น เพื่อให้ได้รับความนิยมในคะแนนเสียง แต่เขายังยืนหยัดแข็งแรง แม้ถูกประณามหยามเหยียด แต่วันนี้เขาพิสูจน์ว่า เพื่อไทยไปกระทำเสียเอง เขาจึงลาออกจากเพื่อไทย เหตุการณ์เหล่านี้ถ้าประชาชนได้รับฟังอย่างพิเคราะห์แล้วย่อมพบความจริงอย่างกระจ่างชัด
“ทักษิณ กล่าวหาผมว่ารับจ้าง (นายบุญเลิศ) แต่วันนี้คนที่ท่านเขียนจดหมายเชียร์ให้คนเชียงใหม่ไปเลือกเป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ ถูก ปปช.ชี้มูลดำเนินคดีทางอาญา แล้วท่านจะอย่างไงละ ท้ายที่สุดการรับผิดชอบ ชั่วดีกับประชาชน ใครรับผิดชอบบ้างหรือไม่”
นายจตุพร กล่าวว่า หลังจากนั้นมีคำถามกรณีเพื่อไทยจับมือพลังประชารัฐหรือไม่ เพื่อไทยหลบเลี่ยงตอบไปมา จนที่สุดต้องประกาศไม่จับมือ และนายเศรษฐา ทวีสิน ประกาศหาเสียงไม่จับมือกับพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ เพราะไปจับมือกับพรรคเอาปืนมาจี้ยึดอำนาจเพื่อไทยได้อย่างไร แล้ววันนี้เป็นไง
“ถ้าวันนั้น ผมพูดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนำ สว.มาสนับสนุนนายเศรษฐา เพื่อไทยจะไม่ด่าผมเหรอ และวันนั้นสังคมใครจะเชื่อบ้าง เพราะยึดอำนาจเขามาจะมาสนับสนุนกันได้อย่างไร แต่ผมพูดว่า มีการสมคบคิดกันยึดอำนาจ ก็มีคนอ้างถึงกลุ่มมาเถียง เมื่อ สว.มาโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ จึงเป็นใบเสร็จการเมืองสมคบคิดกันชัดเจน”
อีกทั้งกล่าวว่า ทักษิณ กลับไทยแล้วมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชองค์การอภัยลดโทษนั้น จึงเป็นอีกใบเสร็จสำคัญเช่นกัน ซึ่งชี้ให้เห็นความกะล่อนปลิ้นปล้อนของนักการเมือง ยิ่งกรณียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกนอกประเทศ และตบตาแสดงการยึดทรัพย์พอเป็นพิธีนั้น ล้วนรู้กันอย่างดีที่สมคบกันปล่อยหลุดคดี ดังนั้น เมื่อถอยย้อนกลับมาจะเห็นเหตุนำไปสู่ผลลัพธ์ได้แจ่มกระจ่างยิ่งขึ้น
นายจตุพร กล่าวถึงการเตือนพรรคก้าวไกลว่า จะไม่ได้ทั้งนายกฯ และประธานสภา แล้วจะถูกเพื่อไทยหักหลัง MOU พร้อมเสนอให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสนอนายเศรษฐา กลางที่ประชุมให้เป็นนายกฯ เพื่อมัดไม่ให้แตกออกไปอยู่อีกฝ่าย ถ้าวันนั้นเชื่อตน นายเศรษฐา ก็เป็นนายกฯ ยากขึ้นเช่นกัน
รวมทั้งประธานสภา ที่ถูกแนบมาตลอด ทั้งที่นายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ (ลูกนายสุชาติ ตันเจริญ) พูดออกรายการไปขอพ่อไม่ให้เป็นประธานสภา แล้วจึงมีการเปลี่ยนตัวเป็นนายวันนอร์ มะทา ในคืนนั้นทันที และไม่มีพรรคใดส่งแข่งขันสักคน จนกระทั่งมาเสียนายกฯ ให้เพื่อไทยอีกตำแหน่งตามมา สิ่งนี้แสดงถึงการเล่นเกมกะล่อนของเพื่อไทย
“นายเศรษฐา เป็นนายกฯ วันนี้ พวกติ่งเพื่อไทยควรยอมรับเสียว่า ที่มีวันนี้ได้เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ให้ ถ้าไม่ให้ สว.ก็ไม่ได้นายกฯ อยู่ดี เพราะมีการเจรจากับ พล.อ.ประยุทธ์ ในกลางคืนและรอคำตอบในตอนเช้าวันที่ 22 ส.ค. ก่อนโหวตนายกฯ จึงสั่งให้ สว.สนับสนุนนายเศรษฐา เป็นนายกฯ ซึ่งผมได้ทบทวนแล้ว ไม่มีอะไรที่พูดผิดเลย”
นายจตุพร สงสัยว่า อยากบอกประชาชนที่ต้องการทำให้บ้านเมืองถูกต้อง เรามีจุดยืนการต่อสู้ปี 2535 อย่างไร แล้ววันนี้หายกันไปไหนหมด เราถูกแยกสลายแล้วปกครอง คนเสื้อแดงก็เช่นกัน ดังนั้น คนไทยไม่มีมาตรฐานเลย ถ้าไม่ให้โอกาสในปี 2535 แล้ว วันนี้ให้โอกาสกันทำไม และปล่อยให้ประชาชนไปตายในปี 2535 ทำไมกัน
“ขณะนี้ นายกฯ เศรษฐา ถูกจองเล่นงานจากกรณีข้อมูลของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดเผยไว้ ทั้งการก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง และการซื้อขายที่ดินด้วยนอมินี เพื่ออำพรางหมกเม็ดเสียภาษีให้รัฐ โดยมีคณะบุคคลอย่างน้อย 4 ชุดเตรียมลับมีดกันอยู่ ดังนั้น หลังแถลงนโยบายแล้วคงเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น”
นายจตุพร กล่าวว่า อีกทั้งกรณี รมต.และ สส.ที่ถูก ปปช.จะกวาดล้างครั้งใหญ่ หากมีการซื้อคดีอีก แล้วปล่อยให้ล่าช้า เราจะจัดการเอง ถ้าประชาชนเอาชาติบ้านเมืองเราจะสามารถพลิกประเทศที่น่าเป็นห่วงนี้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จบไม่สวยสักคน 'จตุพร' เตือนการเมืองแบบเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียนอย่างที่เห็น
'จตุพร' เตือนการเมืองแบบวงศ์วานเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียน รู้ผลลัพธ์จบไม่สวย มาแบบไหน ไปแบบนั้น ลั่นประเทศไม่ใช่ห้องทดลองการบริหารบ้านเมือง
'จตุพร' ฟาด กกต.ขี้โม้ อวดจัดเลือกตั้งกลางสนามรบ แนะเลื่อนรับสมัครสส. ไปปีหน้า
'จตุพร' เตือนการเมืองแบบวงศ์วานเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียน รู้ผลลัพธ์จบไม่สวย ลั่นประเทศไม่ใช่ห้องทดลองการบริหารบ้านเมือง
'จตุพร' เตือน 'อนุทิน' ถ้าตามใจ 'ทรัมป์' กดดันไทยหยุดยิง ระวังจะถูกประชาชนขับไล่
ชายแดนไทย-เขมร ต้องไม่ปล่อยค้างคาใจอีก หนุนสู้รบให้จบก่อนเจรจาสันติภาพ ฟาด "อันวาร์" อย่าเผือก ชี้คนไทยแสดงความเห็น
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เอาแล้ว 'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้าน ระวังทำรัฐบาลพัง
'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้านระวังทำรัฐบาลพัง แนะน้ำท่วมใต้จากพายุชื่อเหมือนกันต้องเป็นธรรม ชดเชยเท่ากัน อย่าคิดแบบเขลาๆ แถเอาแต่สถานการณ์ฉุกเฉินมาอ้าง จะเกิดเหตุไม่พอใจ ลุกลามไปกันใหญ่
'จตุพร' แนะ แก้รธน.ต้องกินทีละคำอย่าเหลี่ยมคูกินทีละกะละมัง สุ่มเสี่ยงถูกคว่ำล้มครืนลง
'จตุพร' แนะการเมืองยึดมติ กมธ. ปมผ่านแก้ รธน.วาระสอง เตือนอย่าชิงเหลี่ยมคู ขอให้กินทีละคำอย่าโลภอยากกินทีละกะละมัง หวั่นถูกคว่ำจบเห่ ย้ำฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ลงมติ ม.152 ดีกว่าซักฟอก 151 ชี้เวลาเหมาะอภิปรายช่วงสัปดาห์สุดท้าย มกรา 69 พูดเสร็จได้ยุบสภาเลย

