'พิชัย' เตือน ราคาน้ำมันพุ่ง จะทำหนี้กองทุนน้ำมันทะลุแสนล้าน ห่วงปัญหาเศรษฐกิจจีนฉุดเศรษฐกิจไทย ชี้รัฐบาลมาถูกทางเร่งแก้ปัญหาพร้อมกันหลายด้าน
21 ก.ย.2566 - นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบได้พุ่งขึ้นทะลุ 93 ดอลลาร์ต่อบาเรลแล้ว และยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีก โดยเฉพาะประเทศฝั่งตะวันตกกำลังจะเข้าสู่หน้าหนาวซึ่งจะทำให้ราคาพลังงานยิ่งมีราคาสูงขึ้น และมีโอกาสสูงที่ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นทะลุ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาเรลในอีกไม่นานนี้ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลทำให้เกิดเงินเฟ้อมากขึ้น และจะยิ่งถ่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังย่ำแย่ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นจะทำให้กองทุนน้ำมันของไทยที่ปัจจุบันติดลบอยู่กว่า 6 หมื่นล้านบาทแล้ว อาจทะลุเกินแสนล้านบาทในเวลาอีกไม่นานนัก จากการที่กองทุนน้ำมันต้องไปสนับสนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ถึงประมาณลิตรละ 7-8 บาทในปัจจุบัน ซึ่งประเทศไทยใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ยวันละ 74 ล้านลิตร หรือ จะติดลบถึงเดือนละกว่าหมื่นหกพันล้านบาท อีกทั้งก๊าซแอลเอ็นจีที่ใช้ผลิตไฟฟ้าก็มีแนวโน้มที่ราคาจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นรัฐบาลอาจจะต้องเตรียมหาทางรับมือในเรื่องนี้
นายพิชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจของโลกที่ยังย่ำแย่ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจีนจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่มีการก่อสร้างมากเกินความต้องการเป็นจำนวนมาก อีกทั้งปัญหาหนี้เสียของธนาคารเงา (Shadow Banking)ในจีน ทำให้เศรษฐกิจจีนย่ำแย่และอาจจะต้องใช้เวลาอีกนานในการแก้ไข ซึ่งจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาเศรษฐกิจจีนค่อนข้างมาก ทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว ทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไม่น่าจะดีนักและน่าจะขยายตัวต่ำกว่าการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยค่อนข้างมาก หลังจากที่ไตรมาสที่สองของปีนี้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 1.8% เท่านั้น โดยการส่งออกที่จะติดลบในปีนี้ โดยการส่งออกได้ติดลบไปแล้ว - 5.5% ตั้งแต่ต้นปี และการท่องเที่ยวที่จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยลดลงมาก
“การที่รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาในหลายด้านพร้อมกันเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ทั้งการเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยว การยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวจากจีนและคาซัคสถาน การพักหนี้เกษตรกร และ ธุรกิจ SMEs การพบนักลงทุนรายใหญ่โตจากต่างประเทศเพื่อโน้มน้าวให้มาลงทุนในไทย การเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี การเร่งเพิ่มการส่งออก เป็นทิศทางที่ถูกต้อง และยังมีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอีกมาก ทั้งนี้ได้แต่หวังว่าเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่จะทรุดหนักจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยมากเกินไปนัก ซึ่งอาจจะทำให้มาตรการต่างๆที่ออกมาอาจจะยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่แนวทางที่ทำอยู่ถือว่ามาถูกทางแล้ว”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ธีระชัย' ผ่าทางตันภัยพิบัติ! ชี้วินัยคือทางรอด
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
'อนุทิน' เผยยึดตาม 'ทวี' ทูลเกล้าฯ ฎีกาทักษิณ
'อนุทิน' ปัดสกัด 'ทักษิณ' ช่วยเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้ง หลัง รมว.ยธ. สั่งปรับปรุงระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ รื้อระบบพักโทษนอกเรือนจำ ยันไม่ใช่พรรคชอบแก้แค้น
ทันควัน! ทวีรีบโยนให้ไปถามดีเอสไอเรื่องพยานคดีฮั้ว สว.กลับคำให้การ
'ทวี' โยน DSI แจง พยานกลับคำให้การ คดีฮั้วสว. หลัง อ้างถูกข่มขู่ซัดทอดไปยัง 'ภท.'
เพื่อไทยตื่น! งัดอดีต รมว.กต.นั่งแถลงประณามกัมพูชา
'เพื่อไทย' แถลงประณามกัมพูชาละเมิดปฏิญญาสันติภาพ ลักลอบวางทุ่นระเบิดซ้ำที่ห้วยตามาเรีย ชี้รัฐบาลต้องยกระดับกดดันผ่านอาเซียน-ประชาคมโลก พร้อมเสนอใช้หุ่นยนต์เก็บกู้ทุ่นระเบิด และเร่งปราบสแกมเมอร์
'ดร.สุวิทย์' ร่ายยาวการก้าวพ้นการเมืองแบบเก่าไปสู่ภูมิทัศน์การเมืองใหม่!
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ขำไม่ออก! มาริษบอกรัฐบาลฉีก MOU43-44 ได้ ด้วยมติ ครม.
'มาริษ' ชี้รัฐบาลฉีก MOU43 และ 44 เองได้ ด้วยมติ ครม.ไม่ต้องผลักภาระโยนให้ ปชช.ออกเสียงประชามติ - ชี้! ต้องรับผิดชอบผลเสียที่จะตามมา หลังกองทัพ-กต.ใช้ประโยชน์จาก MOU เป็นกรอบเจรจา


