'พิมพ์ภัทรา' ลุยพัฒนาอุตฯโกโก้ หวังชูไทยเป็นฮับ

‘พิมพ์ภัทรา’ ลุยพัฒนาอุตฯโกโก้ ดัน เป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ชูไทยเป็นฮับโกโก้ สร้างมูลค่าเพิ่ม 4 พันล้านบาท พร้อมสั่งดีพร้อมผถดแผนขับเคลื่อนระยะกลาง-ยาว

5 ธ.ค. 2566 – น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ตรวจเยี่ยมเกษตรกรและผู้ประกอบการโกโก้ ว่า จะเร่งยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมโกโก้ทั่วประเทศสู่การเป็นโกโก้ฮับเมืองไทย โดยจะชูจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น นครศรีเมืองโกโก้ ผลักดันเป็นอีกพืชเศรษฐกิจหลักของไทย คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 4,000 ล้านบาท ล่าสุดได้สั่งการให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) หรือดีพร้อม ทำงานร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) จัดทำแผนปฏิบัติการอุตสาหกรรมโกโก้ไทย เพื่อขับเคลื่อนทั้งระยะสั้น กลาง ยาว เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการ สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีศักยภาพส่งออกสู่ตลาดโลก ลดนำเข้า โดยแผนฯจะเสร็จภายใน 3 เดือน มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“แนวทางจัดทำแผนฯ เบื้องต้นจะกำหนดให้ภาคใต้ จ.ศรีธรรมราช มุ่งสู่โกโก้ฮับภายใต้ชื่อ นครศรีเมืองโกโก้ เพราะเป็นแหล่งผลิตโกโก้คุณภาพดีของไทย พื้นที่ปลูกโกโก้กว่า 1,600 ไร่ อันดับหนึ่งของประเทศ มีเกษตรกรปลูกกว่า 3,000 ครัวเรือน โกโก้ได้รางวัลระดับโลก อาทิ แบรนด์ ภราดัย คว้ารางวัลพิเศษระดับทองสำหรับช็อกโกแลตบาร์ 75% จากจังหวัดนครศรีธรรมราช ประเภทช็อกโกแลตที่ผู้ผลิตมีส่วนร่วมตั้งแต่กระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว นอกจากนี้จะสนับสนุนจ.สระแก้ว เป็นฐานโรงงานแปรรูปโกโก้ขนาดเล็ก เพราะมีพื้นที่ปลูกโกโก้มากเช่นกัน”น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าว

ทั้งนี้ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพืชโกโก้ ถูกจับตามองเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจใหม่และได้รับกระแสความนิยมเพิ่มมากขึ้น สะท้อนได้จากการเติบโตของร้านคาเฟ่ ขนมหวาน ช็อกโกแลตพรีเมี่ยม รวมถึงเทรนด์รักสุขภาพ เนื่องจากโกโก้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย อาทิ อาหารเพื่อสุขภาพชั้นดีเยี่ยม หรือ ซุปเปอร์ฟู๊ด ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกโกโก้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ข้อมูลปี 2565 ไทยส่งออกโกโก้และของปรุงแต่งจากโกโก้ไปตลาดโลกมูลค่ากว่า 69.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 64.32% จากปี 2564 โดยมี ญี่ปุ่น อาเซียน และเกาหลีใต้เป็นตลาดหลักส่งออกสำคัญ

อย่างไรก็ตามการทำแผนฯ มีความจำเป็น ไม่เพียงรองรับเทรนด์การบริโภคที่เติบโตจนทำให้ไทยต้องนำเข้าโกโก้ ยังแก้ปัญหาผลผลิตของประเทศล้นตลาด ปลูกมาก แต่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน เกิดภาวะล้นตลาด โรงงานผลิตโกโก้กว่า 20 แห่งทั่วประเทศเลือกนำเข้าแทน ทำให้ราคาผลโกโก้ตกต่ำ ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมจะแก้ปัญหานี้ทั้งระบบ จะพัฒนาตั้งแต่สายพันธุ์ กำหนดพื้นที่ จำนวนเกษตรกร จำนวนโรงงานผลิต ตลอดจนแผนการนำเข้าและส่งออก เป็นการพัฒนาตลอดซัพพลายเชน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘พิมพ์ภัทรา’ นำทีมจัด ‘ครัวคนคอน รักจริงไม่ทิ้งกัน’ ลุยช่วยหาดใหญ่

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 10 จัด “ครัวคนคอน รักจริงไม่ทิ้งกัน” ระดมกำลังชาวนครศรีธรรมราชเดินหน้าช่วยพี่น้องชาวหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

‘ดีพร้อม’อัดสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอี

‘ธนกร’ สั่ง ‘ดีพร้อม’ เร่งเดินหน้า Quick Big Win อัดฉีดสินเชื่อ ‘เงินไว by DIPROM’ ช่วยเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการรายย่อยดอกเบี้ย 50 สตางค์ กระตุ้นโค้งสุดท้ายปลายปี ดีมานด์พุ่ง!! 30%

‘ดีพร้อม’ ปิดฉาก ‘มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย: Thai Vibe by DIPROM’ อย่างสวยงาม ตอกย้ำพลังซอฟต์พาวเวอร์อาหารและแฟชั่นไทย ดึงคนร่วมงานล้นหลาม สร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 330 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 27 ตุลาคม 2568 – กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) หรือ ดีพร้อมประกาศความสำเร็จการจัดงาน ‘มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย: Thai Vibe by DIPROM’ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–12 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

‘ดีพร้อม’ ชวนเที่ยวมหกรรม ‘ดีพร้อมเสน่ห์ไทย (Thai Vibe by DIPROM)’ พบ 4 โซนไฮไลท์ 400 ร้านค้า สัมผัสเสน่ห์อาหาร แฟชั่น วัฒนธรรมไทย ตั้งแต่วันนี้-12 ต.ค.นี้ ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 เมืองทองธานี

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) หรือดีพร้อม จัดงานมหกรรม ‘ดีพร้อมเสน่ห์ไทย (Thai Vibe by DIPROM) รสและศิลป์ไทย ก้าวไกลสู่สากล’ ระหว่างวันที่ 10–12 ตุลาคม 2568 เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 เมืองทองธานี เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย หรือซอฟต์พาวเวอร์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ภายใต้นโยบาย ‘ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้

ดีพร้อมจัดใหญ่ ‘มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย: Thai Vibe by DIPROM’ โชว์ซอฟต์พาวเวอร์อาหารและแฟชั่นไทย สร้างอนาคตใหม่ให้ SMEs คาดดึงคน 30,000 รายเข้างาน กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท

มหกรรมไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยที่ยกระดับเสน่ห์ไทยสู่เวทีโลก โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3