สมาร์ทเทค (ไทยแลนด์) ปลุกตลาดอนุรักษ์พลังงาน ส่ง “KOOM Air” รุกลูกค้าองค์กรเต็มสูบ

13 ธ.ค. 2566 – นายภูมิณรงค์ สิริวิรัชต์กุล กรรมการ บริษัท สมาร์ทเทค (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายของการผลักดันแบรนด์และสินค้าในเครือให้ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน โดยเมื่อลูกค้ามองหาโซลูชั่นที่จะทำให้องค์กรของตัวเองสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานลงได้ จะต้องนึกถึงแบรนด์ของบริษัท มองว่าเทรนด์ของการประหยัดพลังงาน จะยังคงมีความต้องการอย่างมากในตลาด เนื่องจากต้นทุนราคาพลังงานที่สูงขึ้น สภาวะโลกร้อนจากการใช้พลังงานด้านต่างๆ จำนวนมาก ทำให้หน่วยงานต่างๆ ต้องการที่จะเข้ามาสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนมากขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ลูกค้ามองหาตัวช่วยสำหรับการประหยัดพลังงาน ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไรให้กับองค์กรของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้พัฒนาอุปกรณ์คุมแอร์ (KOOM Air i9) ขึ้นมา เพื่อตอบสนองการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องปรับอากาศเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะ ที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการใช้งานเครื่องปรับอากาศ ให้เกิดประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืนในการใช้งาน

โดยจุดเด่นของอุปกรณ์คุมแอร์ (KOOM Air i9) สามารถจัดการเครื่องปรับอากาศภายในหน่วยงานให้เป็นรูปแบบทำงานโดยอัตโนมัติ และตัวอุปกรณ์ยังสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิด, เลือกโหมดการทำงาน พร้อมกำหนดอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ, สามารถตรวจสอบประวัติการใช้งานย้อนหลังได้โดยละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เครื่องปรับอากาศใช้งาน หรืออุณหภูมิที่ใช้งานว่าเป็นไปตามนโยบายของผู้บริหารที่กำหนดหรือไม่ และที่สำคัญยังสามารถล็อครีโมต เพื่อป้องกันการปรับเปลี่ยนหรือใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือเทคนิคที่ทางบริษัทวิเคราะห์จากการใช้งานของลูกค้าหลายๆองค์กรที่ผ่านมา เช่น ในหลายองค์กรมีการปรับเป็นโหมดลมอัตโนมัติ 10 นาทีของทุกๆชั่วโมงที่มีการใช้งานเครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยบริหารจัดการควบคุมการใช้งานเครื่องปรับอากาศได้ดียิ่งขึ้น

โดยในปัจจุบัน ทางรัฐบาลได้มีการจัดทำแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐ ที่ทำการปกครองอำเภอ สถาบันอุดมศึกษา และรัฐวิสาหกิจ ลดการใช้พลังงานอย่างน้อย 20% เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในภาครัฐ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน ตามมติ ครม.อ้างอิงเอกสารเลขที่ พน o๑oo/๔๖ ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๕ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตามแนวทางที่ภาครัฐได้แนะนำ ไม่ว่าจะเป็นการเปิด – ปิดใช้งานให้เป็นเวลา  หรือการเปิดใช้งานที่อุณหภูมิ 25 องศานั้น ฟังก์ชั่นของตัวอุปกรณ์คุมแอร์ คุมแอร์จึงเข้ามาช่วยบริหารจัดการในช่วงเวลาที่ไม่ใช่เวลาทำงาน สามารถเข้ามาช่วยให้มาตรการของภาครัฐสัมฤทธิ์ผล และเห็นเป็นที่ประจักษ์ได้มากขึ้น โดยที่พนักงานไม่มีผลกระทบจากการใช้งาน

ทั้งนี้ บริษัทมีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ใช้งาน เช่น การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ การประปานครหลวง ที่ได้เลือกสาขาบางเขน เป็นสาขาต้นแบบ ในการนำอุปกรณ์ฯไปใช้บริหารจัดการการใช้งานเครื่องปรับอากาศในสำนักงานกับองค์กร ซึ่งอย่างแรกบริษัทต้องขอขอบพระคุณ ท่านผู้ว่าการประปานครหลวง คุณมานิต ปานเอม และท่านรองผู้ว่าการ คุณสุเทพ เอื้อปกรณ์ ฝ่ายบริหารทุกท่าน พนักงานในองค์กรทุกคน ที่ยอมเสียสละที่ปรับพฤติกรรมการใช้งานเครื่องปรับอากาศ เพื่อประโยชน์ขององค์กรในการลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ ซึ่งการประปานครหลวงประหยัดไปได้ถึง 22%

นายภูมิณรงค์ กล่าวปิดท้ายว่า คุมแอร์เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการบริหารจัดการเครื่องปรับอากาศ ให้องค์กรทำได้ตามวัตถุประสงค์ในการลดค่าไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืน หากต้องการจะบริหารจัดการเครื่องปรับอากาศให้มี ประสิทธิภาพ จำเป็นจะต้องรู้ก่อนว่าการสูญเปล่าที่ใช้งานกันมาใบแบบเดิมอยู่ที่ตรงไหน ตรวจสอบได้จากประวัติการใช้งานย้อนหลังที่คุมแอร์คอยเก็บให้ แลวนำฟังก์ชั่นของตัวอุปกรณ์ไปตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ เพื่อลดการสูญเปล่าจากการใช้งานเดิมที่เกิดขึ้น เพียงเท่านี้คุณก็จะจ่ายค่าไฟฟ้าที่น้อยลง ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้น จากการมีส่วนร่วมของทุกๆคนในองค์กร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘พีระพันธุ์’ สั่งปลัดพลังงาน จับตาผลกระทบด้านพลังงาน สงคราม ’อิหร่าน-อิสราเอล’

รมว.พลังงานเผยสั่งการให้ท่านปลัดฯและหน่วยงานทุกหน่วยของกระทรวงพลังงานติดตามรายงานสถานการณ์ คาดการณ์ผลกระทบและแนวทางในการรับมือด้านพลังงานตลอดเวลาเช่นกัน

กกพ. ตรึงค่าเอฟที 39.72 สตางค์/หน่วย ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย 4.18 บาท/หน่วย ถึง ส.ค. 67

กกพ. ประกาศตรึงค่าเอฟที 39.72 สตางค์/หน่วย ขณะที่ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ยอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย จนถึงเดือน ส.ค. 67

'คำนูณ' จองกฐิน ปมพิรุธ เจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมก่อนเรื่องเขตแดน

“คำนูณ” ย้ำ ‘ซักฟอก ม.153’ ปมเขตแดนไทย-กัมพูชา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ประเทศ ยัน ไม่ได้โจมตีเป็นรายบุคคล พิรุธเปิดฉากเจรจาเรื่องผลประโยชน์จากปิโตรเลียมก่อนเรื่องเขตแดน

โออาร์-บางจากขึ้นราคาเบนซิน 40 สตางค์/ลิตร

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) และ บมจ.บางจาก ได้มีการประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันราคาเบนซินและกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์/ลิตร