
พิมพ์ภัทรา’ สั่งทุกหน่วยงานกระทรวงอุตฯ เร่งหามาตรการลดฝุ่นพิษ หวังแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ขอเคพีไอชี้วัดที่ชัดเจน พร้อมจ่อรื้อกฎหมาย – หาดอกเบี้ยต่ำช่วยสนับสนุน
18 ธ.ค. 2566 – น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งหามาตรการเพิ่มในการลดฝุ่นพิษ PM 2.5 ให้มีความเข้มข้นขึ้น มีดัชนีชี้วัดตรวจสอบชัดเจน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน จะมีทั้งมาตรการส่งเสริมทั้งด้านการเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ องค์ความรู้ มาตรฐานต่าง ๆ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความเข้มงวดขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ส่วนมาตรการระยะสั้น ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินหน้ามาตรการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้มีการดำเนินงาน อาทิ เดินหน้าสนับสนุนแก้ปัญหาการเผาอ้อย มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ ให้ตัดอ้อยสด ล่าสุด ครม.ได้อนุมัติช่วยค่าตัดอ้อยสด 120 บาทต่อตัน ให้ชาวไร่อ้อย 1.4 แสนราย เริ่มจ่ายประมาณเดือนม.ค. 67 และต่อไปอยู่ระหว่างปรับปรุงมาตรการออกระเบียบรับซื้ออ้อยไฟไหม้ให้เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เช่น ออกมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับฝุ่นพีเอ็ม2.5 เตรียมบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 วันที่ 1 ม.ค. 67 เพื่อควบคุมสารมลพิษจากรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์ขนาดใหญ่ ได้แก่ รถกระบะ รถบัส และรถบรรทุก ทั้งที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล , ออกมาตรฐานเครื่องฟอกอากาศ มอก.60335 เล่ม 2 (65)-2564 3. และมาตรฐานหน้ากากอนามัย รวมทั้งอยู่ระหว่างพิจารณามาตรฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) ได้เข้มงวดกรณีตรวจพบโรงงานปล่อยเกินมาตรฐาน จะถูกออกคำสั่งหยุดปรับปรุงแก้ไข และส่งดำเนินการทางกฎหมายต่อไป รวมทั้งได้พัฒนาระบบเฝ้าระวังเตือนภัยมลพิษทางอากาศระยะไกล และได้ปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากโรงงานอุตสาหกรรมให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล รวมทั้งตรวจด้านฝุ่นละอองโรงงานเข้มข้นที่มีกระบวนการเผาไหม้ โรงงานที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง โรงงานที่มีการใช้หม้อน้ำ โรงงานหลอมเหล็กหรือโลหะ โรงงานผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ และโรงงานผลิตแอสฟัลติก ที่มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
“ ได้ให้กรอ.นำรถตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ตรวจเฝ้าระวังคุณภาพอากาศในบรรยากาศ เลือกจุดที่มีอุตสาหกรรมหนาแน่น เช่น นิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม เขตประกอบการให้มากขึ้น และต่อเนื่อง และที่ผ่านมาโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง (เซมส์) ซึ่งข้อมูลจากการตรวจวัดนี้จะถูกส่งมาแสดงผลผ่านระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกลบนเว็บไซต์ของ กรอ. และบนมือถือแอลพริเคชั่น เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามผลการควบคุมการระบายมลพิษอากาศของโรงงานได้ตลอดเวลา”น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าว
ขณะที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) ให้เข้มงวดตรวจสอบและเฝ้าระวังการประกอบการเหมืองแร่ โรงแต่ง แร่และโรงประกอบโลหกรรม ให้ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆอย่างถูกต้องและปลอดภัยแล้ว ยังให้คำปรึกษา และแนะนำ เพื่อให้สถานประกอบการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ได้มีประสิทธิภาพ ไม่ให้การประกอบการสร้างความเดือดร้อนด้านสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้ว่าที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีไร้ผล! กทม.ทุกเขตอุดมฝุ่นพิษ
เพจศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กรุงเทพมหานคร
'หัวหน้าเอ้' เปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครสส. 22 คน ลั่นประเทศไทยถึงเวลาหนีหลุมดำ
'ดร.เอ้' เปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัคร สส. 22 คน ชี้ ประเทศไทยถึงเวลาหนีหลุมดำ ย้ำ ต้องออกมาก้าวใหม่ เลิกจมหนี้-จมน้ำ
‘พิมพ์ภัทรา’ นำทีมจัด ‘ครัวคนคอน รักจริงไม่ทิ้งกัน’ ลุยช่วยหาดใหญ่
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 10 จัด “ครัวคนคอน รักจริงไม่ทิ้งกัน” ระดมกำลังชาวนครศรีธรรมราชเดินหน้าช่วยพี่น้องชาวหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
'รมว.ทส.' ขึงขังบอกมาแค่ 4 เดือนใครไม่พร้อมทำงานต้องย้ายออกไป!
'สุชาติ' เล็งคุยปลัด ทส.-อธิบดี โยกคนมีคุณภาพมาทำงานให้เร็วที่สุด ใครมีปัญหาให้ย้ายออก เหตุมีเวลาน้อย เตรียมเข้ากระทรวงศุกร์นี้
วิกฤตข้ามพรมแดน: เมื่อน้ำ-อากาศของไทย "ป่วย"
เมื่อถึงฤดูแล้ง ท้องฟ้าภาคเหนือของไทยจะกลายเป็นสีส้มหม่น ๆ ผู้คนต้องสวมหน้ากากอนามัย และเมื่อถึงฤดูฝน น้ำในแม่น้ำกกก็กลายเป็นสีขุ่นข้นจนน่ากลัว นี่คือภาพสะท้อนของวิกฤตมลพิษที่ไม่ได้เกิดจากแค่ปัญหาภายในประเทศ แต่เป็น “มลพิษข้ามพรมแดน (Transboundary Pollution)” ซึ่งมีสาเหตุหนึ่งจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ประเทศไทยต้องเป็นผู้แบกรับต้นทุนความเสียหายอย่างมหาศาล


