คปภ. เห็นชอบสั่ง ‘บมจ. สินมั่นคงประกันภัย’  หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว

คณะกรรมการ คปภ. เห็นชอบให้นายทะเบียนสั่ง “บมจ. สินมั่นคงประกันภัย” หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราวคุมเข้มให้บริษัทหยุดรับประกันภัย ภายหลังศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 เลขาธิการ คปภ. สั่งมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคมิให้เดือดร้อน

18 ธ.ค. 2566 – สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ครั้งที่ 12/2566 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 สั่งให้บมจ. สินมั่นคงประกันภัย หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป

ตามที่นายทะเบียนได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 36/2565 ลงวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) “บริษัท” แก้ไขฐานะและการดำเนินการตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 โดยกำหนดให้บริษัทเพิ่มทุนและแก้ไขฐานะการเงินให้เพียงพอต่อภาระผูกพันและให้มีอัตราส่วนของเงินกองทุนเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดภายใน 1 ปี แต่บริษัทได้อุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการ คปภ. มีมติยกอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามมติที่ประชุมครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ดำเนินการเพิ่มทุนและแก้ไขฐานะการเงินให้เป็นไปตามคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าว แต่กลับอาศัยกระบวนการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 และเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี ตามคำสั่ง 

บริษัทได้ยื่นคำขอขยายระยะเวลาแก้ไขฐานะและการดำเนินการตามคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าวออกไป ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินกระบวนการพิจารณาของศาลล้มละลายกลาง ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้จัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ซึ่งปรากฏผลการนับคะแนนว่าแผนฟื้นฟูกิจการไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้ แต่ผู้ทำแผนยื่นคำร้องคัดค้านการนับคะแนนการลงมติของเจ้าหนี้กับศาลล้มละลายกลาง ซึ่งศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ตรวจสอบกระบวนการ ขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ในการลงมติล่วงหน้าของเจ้าหนี้ ปัจจุบันการตรวจสอบได้เสร็จสิ้นแล้ว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานผลการตรวจสอบต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว ผลไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้คู่ความทุกฝ่ายทราบผลคำสั่งตามกฎหมายแล้ว ซึ่งในกรณีที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ คือ “บริษัท” จึงกลับไปเป็นของผู้บริหารของบริษัท และให้ผู้ถือหุ้นของบริษัท กลับมีสิทธิตามกฎหมายต่อไป ตามความในมาตรา 90/74 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ทำให้บริษัทสามารถเคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทได้ ประกอบกับบริษัทมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน และมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด บริษัทจึงมีฐานะและการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน อันเป็นไปตามมาตรา 52 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 

คณะกรรมการ คปภ. พิจารณาจากพฤติการณ์และหลักฐานต่าง ๆ ดังกล่าวโดยละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชน จึงเห็นชอบให้นายทะเบียนใช้อำนาจตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 สั่งให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 48/2566 เรื่อง ให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา 52 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2566

การออกคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าวจะช่วยให้สำนักงาน คปภ. สามารถคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนได้อย่างเต็มที่ และตามประกาศนายทะเบียน เรื่อง กำหนดการจ่ายเงินของบริษัทที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ทำให้สำนักงาน คปภ. สามารถเข้าไปควบคุมการจ่ายเงินต่าง ๆ ของบริษัทได้ทั้งหมด อีกทั้งได้สั่งการไปยังสายตรวจสอบ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสำนักงาน คปภ. จังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสอบสาขา/สำนักงานตัวแทนของบริษัท ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบและให้ดำเนินการแจ้งการสั่งหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัท/ตัวแทน/นายหน้าประกันภัยขายกรมธรรม์รายใหม่ในระหว่างการหยุดรับประกันภัย พร้อมทั้ง ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำที่บริษัทอย่างเต็มพิกัด เพื่อควบคุมให้บริษัทดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท สำนักงาน คปภ. จะตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ หากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ติดต่อได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ www.oic.or.th

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชูฉัตร' นั่งเลขาฯคปภ. คนใหม่

คลังแต่งตั้ง นายชูฉัตร ประมูลผล เป็นเลขาธิการ คปภ. โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี นับตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

คปภ. ลุยช่วยเหลือด้านประกันภัยเหตุพายุพัดถล่มหลังคาโรงเรียนวัดเนินปอ

คปภ. ลงพื้นที่ทันทีให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณีพายุพัดถล่มหลังคาโดมโรงเรียนวัดเนินปอเป็นเหตุให้ “นักเรียน-โค้ชฝึกสอนฟุตบอล-ประชาชน” เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 18 ราย ที่จังหวัดพิจิตร

คปภ.ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก้ปัญหาข้อพิพาทด้านประกันภัย

สำนักงาน คปภ. ยกระดับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนด้านประกันภัยด้วยเทคโนโลยี เลขาธิการ คปภ. กดปุ่มเปิดระบบ E–Arbitration ให้บริการเต็มรูปแบบพร้อมกันทั่วประเทศแล้ว

เลขาธิการ คปภ. ปลุกพลังพนักงาน คปภ. ทั่วประเทศ เร่งยกเครื่อง ปรับกระบวนทัศน์องค์กรใหม่พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยไทยปี 2566

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาพนักงาน คปภ. ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิด “ร่วมใจ มุ่งมั่น ก้าวล้ำ เที่ยงธรรม” ห

คปภ. ตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านประกันภัยดูแลผู้ที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม

คปภ. ตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านประกันภัย เพื่อช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบกรณีน้ำท่วม พร้อมกำชับสำนักงาน ภาค/จังหวัดทั่วประเทศให้เตรียมพร้อมบูรณาการร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัยในการลงพื้นที่อำนวยความสะดวกกับประชาชนอย่างเต็มที่