
รองหัวหน้าพรรคปชป. บี้ กรมบัญชีกลาง สังคายนา 115 กองทุน ยุบ ที่ล้าสมัย ตั้งใหม่ให้เท่าทันโลก ติง วางเกณฑ์ประเมินแค่ทำงานเสร็จ ไม่ดูผลสำเร็จจริงหรือไม่ วอนผู้คิดค้น-วิจัย อย่าหยุดแค่งานวิชาการ ต้องส่งต่อให้ ปชช.-เกษตรกร แก้ปากท้อง-ความยากจนด้วย
26 ธ.ค.2564-ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรายงานทุนหมุนเวียน ประจำปี 2562 ที่กรมบัญชีกลางรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า ยังเป็นลักษณะของการรวบรวมตัวเลขด้านการใช้จ่ายของกองทุนต่าง ๆ 115 กองทุน และทั้งหมดนี้มี 5 ประเภท ประเมิน 6 ด้าน ซึ่งตนเห็นว่าการพยายามรวมเรื่องเหล่านี้มาไว้ด้วยกัน ไม่มีประโยชน์ต่อการพัฒนากองทุน ที่สำคัญคือกองทุนนี้มีสินทรัพย์มากถึง 4 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีด้วยซ้ำ จึงฝากให้กรมบัญชีกลางพิจารณากรอบ หลักเกณฑ์ ประเมินผลงานใหม่ เนื่องจากไม่ได้ลงรายละเอียดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เช่น กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือที่เรียกว่า สวทช. มีสองประเด็นที่อยากให้พิจารณา คือ ด้านการสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสีย กรมบัญชีกลางประเมินให้คะแนนเต็ม 5 สองปีซ้อนคือ ในปี 2561และ2562 ทั้งที่ข้อเท็จจริงผลงานไม่เต็มตามที่ให้คะแนน เพราะงานส่วนใหญ่ของสวทช.สำเร็จเป็นงานวิชาการ แต่ไม่สามารถส่งต่อไปยังเกษตรกรเพื่อให้ขยายผลสร้างรายได้ เช่น สารไตรโคเดอร์มา สวทช.ผลิตได้ แต่ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชน แต่ในรายงานของกรมบัญชีกลางกลับไม่มีการตรวจสอบเชิงลึกในเรื่องเหล่านี้
“ถ้ากรมบัญชีกลางให้คะแนนเต็มในส่วนการสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสีย โดยหมายถึงนักวิจัยคำตอบคือใช่ แต่ถ้าหมายถึงประชาชน เกษตรกร คำตอบคือไม่ใช่ เพราะความสำเร็จด้านวิจัย ไม่ได้ถูกนำไปขยายให้เกิดการใช้ประโยชน์ในหมู่ประชาชน จึงอยากให้มีการปรับวิธีคิดใหม่ ทุกงานวิจัยต้องรับใช้ประชาชน กรมบัญชีกลางจึงควรมีการปรับเกณฑ์การประเมินใหม่ นอกจากผู้เกี่ยวข้องโดยตรงแล้ว ต้องคำนึงถึงผลที่เกิดขึ้นกับประชาชนด้วย”
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 115 กองทุน สินทรัพย์ 4 ล้านล้าน อาจเรียกได้ว่า ทำงานเสร็จแต่ไม่ได้มีผลสำเร็จอย่างที่ควรจะเป็น และไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนเท่าที่ควร อีกทั้งหลายกองทุนตั้งมาหลายสิบปี ไม่เท่าทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงต้องมีการปรับใหม่ให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลก และบริบทของสังคม กองทุนไหนที่ล้าสมัย อาจต้องยุบ ตั้งกองทุนใหม่ที่จะตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงขอให้กรมบัญชีกลางนำข้อเสนอเหล่านี้ไปทบทวน เพื่อนำไปสู่การยกเครื่องกองทุนใหม่ ให้ตอบโจทย์แก้ปัญหาปากท้องและคนจน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผบ.ตร. หารืออธิบดีกรมบัญชีกลาง เพิ่มเงินค่าตอบแทนพนักงานสอบสวน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ ชอบเพื่อน ผู้บัญชาการสำนักงานงบประมาณและการเงิน และคณะ ได้เดินทางไปยังกรมบัญชีกลาง
ข่าวดี! ผู้ป่วยมะเร็งปอดใช้ยา 'Erlotinib–Gefitinib' เป็นยาขนานแรกได้แล้ว
เริ่ม 1 ธ.ค.เป็นต้นไป ผู้ป่วยมะเร็งปอด สามารถใช้ยา 'Erlotinib–Gefitinib' เป็นยาขนานแรกได้แล้ว ช่วยให้ผู้ป่วยคุมโรคได้นาน 9 เดือนถึง 1 ปี ยับยั้งการกลายพันธุ์ที่เป็นตัวเร่งให้มะเร็งเติบโต
ข่าวดี! ผู้ป่วยมะเร็งปอดใช้ 'Erlotinib–Gefitinib' เป็นยาขนานแรกได้
เริ่ม 1 ธ.ค.นี้ กรมบัญชีกลางปรับเกณฑ์เบิกจ่ายยามะเร็งปอด ใช้ 'Erlotinib–Gefitinib' เป็นยาขนานแรกได้ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้อย่างเหมาะสมตามความจำเป็นเพิ่มขึ้น
'ดร.กนก' จี้รัฐบาลตอบ 3 ข้อ ลงนาม MOU แร่ Rare Earth กับ สหรัฐฯ
ศาสตราจารย์ ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน อดีตรองประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า แร่ Rare Earth ที่รัฐบาลต้องตอบโดยเร็ว
กปภ. ผนึก สวทช. นำเทคโนโลยีดิจิทัล ยกระดับคุณภาพบริการประชาชน
การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) โดยนายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการ กปภ. ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ลงนาม MOU โครงการสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการระบบรับเรื่องร้องเรียนและการให้บริการอื่น ๆ เพื่อยกระดับการให้บริการน้ำประปาแก่ประชาชน ณ กปภ. สำนักงานใหญ่ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568


