'คลัง' บี้ส่วนราชการเร่งรัดเบิกจ่าย ขึงเกณฑ์เข้มคุมใช้ให้เกิดประโยชน์

23 ก.พ. 2567 – นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2567 ว่า ผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2566 ไปพลางก่อน ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 9 ก.พ. 2567 เบิกจ่ายแล้ว 1,322,916 ล้านบาท คิดเป็น 64.64% ของจำนวนเงินจัดสรร 1,816,497 ล้านบาท จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 1,104,510 ล้านบาท คิดเป็น 66.29% รายจ่ายลงทุน เบิกจ่ายแล้วจำนวน 69,755 ล้านบาท คิดเป็น 46.38% เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 70,723 ล้านบาท คิดเป็น 44.17% (ของวงเงินกันปี 2566 จำนวน 160,130 ล้านบาท)

สำหรับเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ 2567 ได้กำหนดเป้าหมาย ในภาพรวมที่ 93% การเบิกจ่ายงบประมาณ รายจ่ายประจำ 98% การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุน 75% และเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายภาพรวม รายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน 100%

ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้แจ้งให้หน่วยรับงบประมาณดำเนินการตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/ว 77 ลงวันที่ 14 ก.พ. 2567 เรื่อง รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2566 ไปพลางก่อน และมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน และให้ดำเนินการ ดังนี้ 1. ให้เร่งดำเนินการส่งเงินจัดสรรต่อไปยังสำนักงานในส่วนภูมิภาคภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรร เพื่อให้สำนักงานในส่วนภูมิภาคดำเนินการใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันต่อไป

2. รายการลงทุนปีเดียวให้ก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 2567 สำหรับรายการผูกพันใหม่ให้ก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. 2567 และ 3. ให้หัวหน้าหน่วยงานเจ้าของงบประมาณกำกับดูแล บริหารจัดการเร่งรัดการดำเนินการ เพื่อให้สามารถก่อหนี้และเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

สำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ให้ดำเนินการดังนี้ 1. กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้ไม่น้อยกว่า 95% ของกรอบงบลงทุน และเป็นตัวชี้วัดของผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ 2. ให้เร่งลงนามในสัญญาภายในเดือน มี.ค. 2567 สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้เงินงบประมาณในการลงทุน ให้เตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาได้ทันทีเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ

3. ให้ปรับแผนการเบิกจ่าย โดยเพิ่มการเบิกจ่ายในช่วงเดือน ม.ค.- มิ.ย. 2567 (Front – Loaded) และหลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของการเบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาสสุดท้าย 4. ให้รัฐวิสาหกิจปีปฏิทินปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปี 2567 ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสแรก สำหรับรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณที่ยังปรับปรุงไม่แล้วเสร็จ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. 2567 และ5. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำกับดูแลการเบิกจ่ายให้ได้ตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ2567 ให้รวดเร็วขึ้น โดยให้หน่วยงานของรัฐเตรียมการจัดซื้อจัดจ้างในขั้นตอนที่เป็นเรื่องภายในของหน่วยงานของรัฐไว้ก่อน เพื่อให้สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งลดระยะเวลาการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อให้การดำเนินงานมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงิน ก่อนมีตรวจรับทรัพย์สินหรือตรวจรับงาน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่คู่สัญญาของส่วนราชการด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา1/1'เศรษฐกิจ-การเมืองนำ เว้นระยะ'ความมั่นคง-กองทัพ'

โฉมหน้า “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1” ที่ออกมา นอกจากจะเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป้าหมายที่ฉายภาพชัดต่อทิศทางการบริหารงานของรัฐบาล