ดิ อัมรินทร์ เผยโฉมโครงการล่าสุด “อรุณ ศิริราช ทริปเปิ้ล สเตชั่น” คอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมบนทำเลศิริราช เผยความโดดเด่นแตกต่างด้วยความสะดวกสบายสามเท่ากับสามสถานีรถไฟฟ้าใกล้โครงการ พร้อมอีกสามประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่า ‘Luxury, Privacy, Greenery’ ด้านซีบีอาร์อี ประเทศไทย ชี้โซนศิริราช ทำเลทองสำหรับการลงทุนซื้อคอนโดปล่อยเช่า ให้ผลตอบแทน 5-6% ต่อปี
9 ต.ค. 2567 – นายอรรถวุฒิ ธรรมเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ อัมรินทร์ จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์อรุณ (AROON) เปิดเผยว่า สำหรับโครงการใหม่ล่าสุด “อรุณ ศิริราช ทริปเปิ้ล สเตชั่น” (AROON Siriraj Triple Station) เป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรซ์ (Low Rise) ขนาดความสูง 8 ชั้น จำนวน 170 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ บนถนนจรัญสนิทวงศ์ 32 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางขุนนนท์เพียง 120 เมตร ใกล้โรงพยาบาลศิริราช และแหล่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย ฯลฯ
โดยหลังประสบความสำเร็จกับสองโครงการที่ผ่านมา โครงการอรุณ ศิริราช ทริปเปิ้ล สเตชั่น นับเป็นโครงการที่ 3 ของบริษัทที่ยังคงพัฒนาในทำเลใกล้โรงพยาบาลศิริราช “อรุณ ศิริราช ทริปเปิ้ล สเตชั่น ไม่เพียงใกล้กับโรงพยาบาลศิริราชเท่านั้น แต่ยังล้อมรอบด้วยสถานีรถไฟฟ้าถึงสามสถานี คือรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางขุนนนท์ที่อยู่ใกล้เพียง 120 เมตร กับอีกสองสถานีในอนาคตคือ MRT สายสีส้ม และ SRT สายสีแดงอ่อน ซึ่งเชื่อมต่อถึงโรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์เพียงแค่สถานีเดียวเท่านั้น” นายอรรถวุฒิชี้ให้เห็นถึงจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการ
นายอรรถวุฒิ ระบุว่า ‘อรุณ ศิริราช ทริปเปิ้ล สเตชั่น’ ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถันและเอาใจใส่ทุกๆ รายละเอียดเพื่อมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่แตกต่างและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของผู้อยู่อาศัย “นอกจากความโดดเด่นของทำเลที่มอบความสะดวกในการเดินทางแล้ว ความสบายในการอยู่อาศัยก็เป็นอีกส่วนที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เราหยิบยกมุมมองด้านความกลมกลืนกับธรรมชาติทั้งความสงบ ความเป็นส่วนตัว ความยั่งยืน ให้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ นำมาสู่ 3 ประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่อาศัย ได้แก่
1. Luxury การออกแบบมีระดับเหนือกาลเวลา ทั้งสถาปัตยกรรม ความทันสมัย และการเลือกสรรวัสดุที่คำนึงถึงคุณภาพและความสวยงามเป็นหลัก
2. Privacy ความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วยจำนวนยูนิตเพียง 170 ยูนิต ลดความพลุกพล่าน คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยที่ต้องการเป็นเป็นส่วนตัวสูง
3. Greenery พื้นที่สีเขียว ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น โดยออกแบบให้ยูนิตชั้นล่างสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่เชื่อมต่อไปยังสวน ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และรูปแบบชีวิตของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก
นอกจากนี้ โครงการยังตอบสนองการอยู่อาศัยในทุกความต้องการด้วยห้องที่มีให้เลือกถึงสามรูปแบบ คือแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ 28-43.2 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท แบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ 48.1-66.6 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท และแบบ 3 ห้องนอน พื้นที่ 101.7-103.8 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 15.1 ล้านบาท โครงการจัดสรรพื้นที่จอดรถมากถึง 47% พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง บริการรถ Benz Vito ระหว่างโครงการ โรงพยาบาลศิริราช และพรีเมียมซูเปอร์สโตร์
ขณะเดียวกันยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ครบครัน อาทิ ล็อบบี้ต้อนรับ สูงถึง 6 เมตร ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่งสบาย มีแสงธรรมชาติเข้าถึง รับกับ Concept “อรุณ” ซึ่งเป็นที่มาของแสงพระอาทิตย์ ห้องออกกำลังกายพร้อมรับวิวจากภายนอก Co-Kitchen ที่จัดพื้นที่ไว้ทั้งแบบ dining และ mini bar เพื่อจัดงานสังสรรค์พร้อมเชฟส่วนตัว Co-Working Space Pocket Working ห้องประชุมที่แบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนทั้งโซน private และโซน public รวมถึงสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้าที่มีล้อคเกอร์และมูนไลท์ซีท (Moonlight Seat) ยกระดับการพักผ่อนพร้อมชมวิวที่เปิดกว้างแบบพาโนราม่าอีกด้วย
นายอรรถวุฒิ กล่าวอีกว่า เนื่องจากตนเองเป็นคนในพื้นที่ จึงมองเห็นโอกาสและศักยภาพการเติบโตของทำเลซึ่งมีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวจะกลายเป็นเมืองแห่งการแพทย์ (Medical District) ซึ่งโรงพยาบาลศิริราช มีแผนพัฒนาโครงการอาคารรักษาพยาบาลสูง 15 ชั้น และเชื่อมต่อกับสถานีศิริราช ซึ่งเป็นหน่วยบริการหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ศิริราช โดยมีทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสายสีแดง รวมถึงเป็นสถานีขนส่งมวลชนเพื่อสุขภาพและสาธารณสุขแห่งแรกของประเทศไทย
ซึ่งทางโรงพยาบาลศิริราชได้ทำข้อตกลงร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่จะร่วมมือพัฒนาโครงการดังกล่าวร่วมกัน รวมทั้งยังจะมีการพัฒนาพื้นที่ของรฟท.ที่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช อาทิ การปรับปรุงอาคารที่พักของพนักงานและเจ้าหน้าที่รถไฟอายุกว่า 50-60 ปี การพัฒนาพื้นที่ระหว่างทางเชื่อมเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น ถนนคนเดิน ทำให้ทำเลดังกล่าวจะถูกพัฒนายกระดับมาตรฐาน อีกทั้งมีคนเข้ามาใช้บริการและอยู่อาศัยในพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
สำหรับปัจจุบันที่ดินโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช ถือว่าหามาพัฒนาโครงการได้ยาก เนื่องจากเจ้าของที่ดินไม่มีแผนขายที่ดิน ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้อยู่อาศัยเดิมที่อยู่มานานกว่า 30-60 ปี และเป็นที่ดินแปลงเล็ก หากต้องการซื้อเพื่อนำมาพัฒนาโครงการต้องซื้อรวมหลายแปลง ทำให้มีข้อจำกัดในการพัฒนา รวมถึงเป็นพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ไม่สามารถสร้างอาคารสูงเกิน 5 ชั้นได้ การพัฒนาโครงการจึงต้องขยายพื้นที่ออกมาด้านรอบนอก แต่ยังพบปัญหาที่ดินส่วนใหญ่ยังเป็นของการรถไฟฯ ที่ไม่สามารถซื้อขายมาพัฒนาโครงการได้ ดังนั้น การพัฒนาโครงการอรุณ ศิริราช ทริปเปิ้ล สเตชั่น ในพื้นที่กว่า 1 ไร่ จึงนับเป็นโอกาสดีที่หาได้ยาก เรียกได้ว่าเป็น Exclusive Location จริงๆ
โครงการ อรุณ ศิริราช ทริปเปิ้ล สเตชั่น ยังคงเน้นจับกลุ่มเป้าหมายผู้อยู่อาศัยจริง โดยเฉพาะกลุ่ม แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยใกล้เคียง รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อเก็งกำไรและปล่อยให้เช่า ซึ่งเชื่อว่าโครงการ อรุณ ศิริราช ทริปเปิ้ล สเตชั่น ยังจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนกับโครงการที่ผ่านมา ซึ่งสามารถขายได้ 80% ภายในระยะเวลา 3 เดือน เนื่องจากบริษัทยังพัฒนาภายใต้แนวคิด การให้คุณภาพ ความคุ้มค่าและคุ้มราคา รวมทั้งยังเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าในอนาคตอีกด้วย
ด้านนางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมทำเลมิดทาวน์/ชานเมืองซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่มีที่พักอาศัยอยู่หนาแน่น ณ ครึ่งแรกของปี 2567 พบว่ามีซัพพลายที่แล้วเสร็จกว่า 751,987 ยูนิต และที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 100,163 ยูนิต โดยคอนโดมิเนียมกลุ่มนี้มีอัตราขายเฉลี่ยอยู่ที่ 63.1% โดยเมื่อเจาะลึกย่านศิริราช ที่อยู่ในทำเลมิดทาวน์นั้น ถือได้ว่าเป็นทำเลทองในปัจจุบันและอนาคต โดยโครงการคอนโดมิเนียมบริเวณรอบทำเลศิริราชพบว่ามีซัพพลายเพียง 4,197 ยูนิต โดยโครงการที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ารัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตร มีอัตราขายเฉลี่ยสูงถึง 81% ในขณะที่คอนโดมิเนียมที่อยู่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าออกไป รัศมีเกิน 1 กิโลเมตร มีอัตราขายเฉลี่ยอยู่เพียง 64% ถือว่ารถไฟฟ้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆในการเลือกที่พักอาศัย
อีกทั้ง ยังได้ปัจจัยสำคัญต่างๆ เหล่านี้ที่มาสนับสนุน อาทิ การเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ของบุคลากรด้านการแพทย์กว่า 17,000 คน เป็นแหล่งการศึกษาชั้นนำ ทั้งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) และมหาวิทยาลัยศิลปากร รวมจำนวนนักศึกษากว่า 8,000 คน รวมถึงยังมีคนไข้เข้ามาใช้บริการของโรงพยาบาลศิริราชกว่า 12,000 คนต่อวัน ไม่นับรวมกับผู้ที่พักอาศัยในเขตบางกอกน้อยปัจจุบันกว่า 1 แสนคนด้วย จึงเป็นทำเลที่มีดีมานด์การอยู่อาศัยในพื้นที่อย่างมากมายและต่อเนื่อง นอกจากนี้จากข้อมูลอินไซท์ของบุคลากรทางการแพทย์ พบว่า โครงการที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล ใกล้รถไฟฟ้า มีพื้นที่ส่วนกลางที่เปิด 24 ชั่วโมง มีรถรับ-ส่งไปยังโรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงโครงการที่มีจำนวนยูนิตน้อย และมีความเป็นส่วนตัวสูง ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งโครงการ อรุณ ศิริราช ทริปเปิ้ล สเตชั่น ตอบทุกโจทย์ของความต้องการที่กล่าวมา
ในอนาคตพื้นที่ย่านศิริราชจะมีการพัฒนาโครงการเมกะโปรเจ็กต์สำคัญ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางด้านการเดินทาง ซึ่งจะมีการพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนและสายสีส้ม (ส่วนต่อขยายในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการ ปี 2571 และ 2572 ตามลำดับ) มาเชื่อมกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางขุนนนท์ ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน กลายเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 3 สาย ส่งผลให้การเดินทางไป-มาระหว่างพื้นที่ทำเลศิริราชและพื้นที่อื่น ๆ ของกรุงเทพฯ มีความสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งในอนาคตหากต้องการเดินทางสู่ย่านใจกลางเมืองอย่างสยาม ด้วยสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มจะรวดเร็วมากขึ้น โดยใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที หรือห่างเพียง 7 สถานี และผู้โดยสารยังมีทางเลือกในการเดินทางได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนน รถไฟฟ้า รถไฟ หรือทางเรือ
“ด้วยปัจจัยบวกสำคัญของพื้นที่ ซึ่งจะถูกพัฒนาไปในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเมืองแห่งการแพทย์ การพัฒนาระบบคมนาคม และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของการรถไฟฯ ส่งผลให้ทำเลศิริราช เป็นทำเลทองในปัจจุบันและอนาคต ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก แต่การขึ้นโครงการที่อยู่อาศัยทำได้ค่อนข้างยาก เพราะที่ดินหายากและมีราคาสูง รวมถึงมีข้อจำกัดในการพัฒนาและข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย ทำให้เมื่อมีโครงการคอนโดออกมาขายจึงได้รับการตอบรับที่ดี เพราะมีความต้องการทั้งจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยจริง และกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อเก็งกำไรหรือปล่อยเช่า ซึ่งได้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าสูงเฉลี่ย 5-6% ต่อปี โดยโครงการจะมีงานพรีเซลล์ที่สำนักงานขายซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุทธาวาส ในวันที่ 2-3 พ.ย. 2567 พร้อมราคา Early Bird โดยยูนิตแบบ 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นเพียง 4.5 ล้านบาท* ตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบครัน” นางสาวอาทิตยา กล่าวในตอนท้าย