
‘เกรียงไกร’ ชี้รัฐบาลสั่งตัดไฟเมียนมาถือว่ามาถูกทาง แสดงจุดยืนได้ชัดเจน รับต้องมีกระทบธุรกิจชายแดนบ้าง แต่มั่นใจจะลดความเสียหายครั้งใหญ่ได้ หอการค้าเผยล่าสุดยังไม่พบผลกระทบ
5 ก.พ. 2568 – นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กรณีการตัดกระแสไฟฟ้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ที่จ่ายให้กับประเทศเมียนมาทั้ง 5 จุดรวมถึงการสั่งตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต สั่งห้ามส่งออกน้ำมันไปยังเมียนมาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นั้น เข้าใจว่าเป็นการตัดสินใจที่จำเป็นของรัฐบาล เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างผลกระทบต่อประชาชนทั้งในและต่างประเทศ โดยส่วนตัวมองว่าผลกระทบค่อนข้างน้อย แม้จะกระทบต่อความเชื่อมั่น แต่เป็นการแสดงจุดยืนที่สำคัญว่าไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และเอาจริงกับการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่ถูกต้องของรัฐบาล รวมถึงยังจะส่งส่งผลบวกต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศไทย
ขณะที่ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับธุรกิจตามแนวชายแดนเมียนมา แต่เบื้องต้นยังไม่กระทบมาก เนื่องจากปัจจุบันเมียนมาก็ยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศอยู่ ประชากรในประเทศยังมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นจำเป็นนวนมาก ซึ่งในส่วนนี้ยังส่งผลดีกับกลุ่มสินค้าบางประเภทที่ต้องส่งออก แต่ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยที่จะต้องนำเข้าบางประเภทอาจจะได้รับผลกระทบบ้างแต่ถือว่าน้อยมาก
“ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับธุรกิจไทยในเมียนมานั้น ผมมองว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม ก็ต้องชั่งน้ำหนัก ซึ่งยอมรับว่ามันอาจจะกระทบต่อบางอุตสาหกรรมบ้างเล็กน้อย แต่ว่าครั้งนี้จะช่วยลดความเสียหายครั้งใหญ่ และที่สำคัญคือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศไทย เราไม่ได้มีส่วนร่วมหรือมีส่วนรู้เห็นต่อกิจการที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ และเชื่อว่าขณะนี้หลายประเทศกำลังจับตามองประเทศไทยอย่างมาก ดังนั้น การที่รัฐบาลดำเนินการเด็ดขาดรอบนี้ กลับมองว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีมาก ทำให้หลายประเทศรู้ว่า ประเทศไทยไม่ได้เห็นด้วยกับธุรกิจผิดกฎหมายหรือธุรกิจที่เป็นต้นเหตุของความหลอกลวง”นายเกรียงไกร กล่าว
ด้าน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการตรวจสอบไปยังหอการค้าจังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดนที่ถูกตัดกระแสไฟฟ้าทั้ง 5 จุด ทราบว่าขณะนี้ยังไม่พบผลกระทบ
นอกจากนี้ที่ประชุม กกร. ยังได้สนับสนุนแนวทางการยกระดับการจัดการบัญชีม้าของสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก โดยที่ผ่านมา ได้พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยของ Mobile Banking เพื่อป้องกัน Application ดูดเงินและการควบคุมโทรศัพท์มือถือระยะไกล (Remote Access) งดการส่งข้อความ SMS แนบลิงก์ในการติดต่อกับลูกค้า จัดให้มี Hotline รับแจ้งเหตุ 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) พัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลในภาคธนาคาร (Central Fraud Registry) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชี ธุรกรรมต้องสงสัย และบัญชีม้า ทำให้สามารถจัดการระงับบัญชีม้าไปแล้วกว่า 1.8 ล้านบัญชี
และเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมในการจัดการบัญชีม้านิติบุคคล ทั้งนี้ เพื่อความสำเร็จจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาภัยทางการเงิน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม (Telco)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ให้บริการ E-Wallet รวมถึงภาคประชาชน ที่ต้องตื่นตัวและรู้เท่าทันภัยทางการเงิน เพื่อให้แก้ไขและป้องกันภัยทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน


