
‘ธนารักษ์’ เดินเครื่องจัดทำมาสเตอร์แพลน ยกระดับบริหารจัดการด้านเหรียญกษาปณ์ อัพมูลค่าเพิ่มที่ดินราชพัสดุ ทั้งด้านรายได้และวัฒนธรรม พร้อมใช้ดาวเทียมเสริมแกร่งการประเมินราคาที่ดิน มั่นใจรอบประกาศปี 2570 ได้เห็นราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
17 ก.พ. 2568 – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการจัดทำพิมพ์เขียว (มาสเตอร์แพลน) ซึ่งจะใช้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนการทำงาน ทั้งในมิติของการดูแลและพัฒนาที่ราชพัสดุ การดูแลเรื่องเหรียญกษาปณ์ และการประเมินราคาที่ดิน ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะมีการจัดทำกลยุทธ์กลางออกมา ซึ่งจะแบ่งเป็นมาสเตอร์แพลนในแต่ละด้าน ทั้งด้านที่ราชพัสดุ ด้านเหรียญกษาปณ์ และด้านการประเมินาคาที่ดิน เพื่อตอบโจทย์ในการยกระดับมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินของรัฐ
โดยในส่วนของมาสเตอร์แพลนด้านที่ราชพัสดุนั้น กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการวางแผนบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าทั้งด้านรายได้และด้านวัฒนธรรม และเพื่อให้การพัฒนาที่ดินราชพัสดุในแต่ละพื้นที่สอดคล้องกับศักยยภาพ 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยคาดว่าจะมีการนำร่องยกระดับการพัฒนาในที่ดินราชพัสดุที่จังหวัดนครนายกเป็นที่แรก
นอกจากนี้ ในส่วนของการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ กรมฯ จะมีการบริหารร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ โดยการดึงที่ดินราชพัสดุที่มีศักยภาพและหมดอายุสัญญาเช่ากลับเข้ามาอยู่ในพอร์ต เพื่อบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ที่เหมาะสมสูงที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินราชพัสดุอยู่ราว 12.5 ล้านราย ในส่วนนี้กรมฯ มีการบริหารจัดการเอง ราว 9.5 แสนไร่
“กรมฯ จะต้องไปดูว่าที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศมีที่จะหมดอายุสัญญาเช่าเท่าไหร่ และเมื่อไหร่ โดยต้องประสานกับหน่วยงานว่าจะส่งคืนหรือจะมีการดำเนินการเช่าต่อ แต่จะต้องมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ โดยข้อมูลทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณา” อธิบดีกรมธนารักษ์ ระบุ
สำหรับการประเมินราคาที่ดินนั้น จะมีการดึงเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะดาวเทียมเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการประเมินราคาที่ดินทั้งประเทศในแบบรายแปลง เพื่อให้ราคาประเมินสอดคล้องและใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เช่น ที่ดินที่มีถนนตัดผ่าน ที่ดินตาบอด ราคาประเมินจะไม่เท่ากันอย่างชัดเจน ซึ่งมองว่าการที่ราคาประเมินทำได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับที่ดิน และจะช่วยให้กับการจัดเก็บภาษีที่ดินเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย และจะมีประโยชน์มากขึ้นในกรณีที่มีการนำที่ดินไปใช้ในการขอสินเชื่อ ซึ่งก็จะมีผลดีในการทำให้สินเชื่อในระบบเติบโตมากขึ้นด้วย
“ในอดีตจะมีการประเมินราคาที่ดินทั้งแบบรายบล็อกและรายแปลง แต่วันนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบรายแปลงทั้งหมด ที่ปัจจุบันข้อมูลอาจจะยังไม่สมบูรณ์ แต่หลังจากนี้ก็จะมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มูลมีความถูกต้องและชัดเจนมากขึ้น และการที่กรมฯ เอาดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาเสริมเพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น และราคาประเมินออกมาใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะได้เห็นในการประกาศราคาประเมินรอบใหม่ในปี 2570” นายเอกนิติ กล่าว
นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเป้าหมายรายได้ในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 10,600 ล้านบาท เติบโตจากปีงบประมาณก่อนหน้า 5-10% ซึ่งมั่นในว่าจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยแผนการทำงานหลังจากนี้กรมฯ จะไม่ได้เน้นแค่เรื่องเป้าหมายทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะให้ความสำคัญกับการสร้างอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ด้วย โดยจะแบ่งการวัด ROA ในแต่ละด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมอย่างชัดเจน


