‘พิชัย’ ร่วมประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค 21 สร้างโอกาสส่งออกไทย

“พิชัย” ร่วมประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจ ปักหมุดอนาคตการค้า ทิศทางการลงทุน สร้างโอกาสไทยฝ่าวิกฤตโลก

20 พ.ค. 2568 – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (APEC Ministers Responsible for Trade Meeting: MRT) ประจำปี 2568 ณ จังหวัดเชจู สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และแนวทางของไทยในการรับมือความท้าทายทางการค้าโลก พร้อมกับหารือภาครัฐและเอกชนของเอเปคเพื่อสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจการค้า ท่ามกลางบรรยากาศที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายทางการค้า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยเวทีนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่เขตเศรษฐกิจเอเปคจะได้มานั่งร่วมโต๊ะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และหารือแนวทางขับเคลื่อนการค้าโลกอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน

การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างเขตเศรษฐกิจสมาชิก และกำหนดแนวทางความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการค้าโลกอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน โดยที่ประชุมได้ร่วมกันรับรองถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ภายใต้หัวข้อหลัก “Building a Sustainable Tomorrow” หรือ “เสริมสร้างวันพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน” เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมในการเผชิญและแก้ไขปัญหาการค้าในยุคใหม่

นายพิชัย เปิดเผยว่า การประชุมปีนี้เน้นหารือ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่

1.การใช้นวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า

2.การส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคีที่เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ

3.การขับเคลื่อนความมั่งคั่งผ่านการค้าที่มีความยั่งยืน

ซึ่งผลลัพธ์จากการประชุมจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของไทยและเขตเศรษฐกิจเอเปค ตลอดจนสนับสนุนการสร้างโอกาสให้ภาคธุรกิจสามารถขยายตลาดในระดับโลก อีกทั้งยังเป็นการวางรากฐานความร่วมมือที่รับมือกับความท้าทายทางการค้าในระยะยาว โดยตนและรัฐมนตรีการค้าเอเปคได้ร่วมรับรองแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปค เพื่อแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือในประเด็นสำคัญของการค้าโลกยุคใหม่

นายพิชัยเปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุม ตนได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนบทบาทของสาธารณรัฐเกาหลีในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับการค้า โดยเน้นย้ำความร่วมมือในกรอบ APEC ด้านการเชื่อมโยงดิจิทัล มาตรฐานข้อมูล และการวิจัย AI ควบคู่ไปกับการลดช่องว่างทางดิจิทัล การคุ้มครองข้อมูล และการเตรียมแรงงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน

ตนยังได้ย้ำความสำคัญของการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อให้ระบบการค้าพหุภาคียังตอบโจทย์ต่อความท้าทายโลกในปัจจุบันและอนาคต โดยเสนอให้ APEC เป็นเวทีหารือเชิงสร้างสรรค์ เพื่อปูทางให้การประชุมรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 14 ในปี 2569 มีผลลัพธ์เป็นรูปธรรม

รมว.พาณิชย์ ยังได้ใช้โอกาสนี้หารือกับสมาชิกอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทายทางการค้าในปัจจุบัน และยังได้หารือทวิภาคีกับญี่ปุ่นกับผู้แทนจากบริษัท Google เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของไทย รวมถึงได้พบปะและพูดคุยเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับรัฐมนตรีการค้าจากหลากหลายเขตเศรษฐกิจด้วย อาทิ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐเกาหลี และสิงคโปร์

“การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง แต่เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมอง ร่วมกันออกแบบอนาคตทางการค้า สร้างสมดุลและความเข้าใจร่วมกันในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก จึงเป็นการเปิดประตูสู่แนวทางใหม่ของการค้าระหว่างประเทศที่ยั่งยืน” นายพิชัยกล่าว

ทั้งนี้ เอเปคเป็นกรอบความร่วมมือของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประกอบด้วยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี จีน จีนฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ จีนไทเป ไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ในปี 2567 การค้าของไทยกับกลุ่มเศรษฐกิจเอเปค มีมูลค่าประมาณ 15.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นการนำเข้าจากกลุ่มเอเปค 7.75 ล้านล้านบาท และการส่งออกจากไทยไปกลุ่มเอเปค 7.35 ล้านล้านบาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เอ็กซิมแบงก์’กางแผนงานปี69 ปั้มSMEภาคส่งออกเพิ่ม2พันราย

‘เอ็กซิมแบงก์’ ปักธงปี 69 ปั๊มลูกค้าเอสเอ็มอีภาคส่งออกเพิ่ม 2 พันราย ผ่าน 4 แนวทางบูมเต็มสูบ ชูธง Export Co-pilot ยกระดับชีดความสามารถการแข่งขันผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านเครื่องมือการเงินและการบริหารความเสี่ยง พร้อมคาดส่งออกไทยปี 68 โต 10% ส่วนปี 69 เหลือ 0-2%

เอกฉันท์!‘กนง.’ลดดอกเบี้ย0.25% คงจีดีพีปี68ที่2.2%ครึ่งปีหลังชะลอ

เอกฉันท์! ‘กนง.’ มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 1.50% ต่อปี เป็น 1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที พร้อมคงจีดีพีปี 68 ไว้ที่ 2.2% แต่ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 69 เหลือ 1.5% ส่วนปี 70 ที่ 2.3%

‘ศุลกากร’ยันส่งออกน้ำมันไปลาวไม่ได้พุ่งจนผิดสังเกต

‘ศุลกากร’ แจงข้อมูลส่งออกน้ำมันไป สปป.ลาว ตรงกันทุกหน่วยงาน ยืนยันหลังตรวจสอบทุกด่านพบปริมาณไม่ได้เพิ่มขึ้นจนผิดสังเกต ย้ำชัดไทยงดส่งออกน้ำมันไปกัมพูชาแล้ว 100% ตั้งแต่ ก.ค. 2568 พร้อมขอความร่วมมือคู่ค้าไทยงดส่งต่อน้ำมันไปประเทศที่สาม

‘พลังงาน’ สั่งเข้ม! ตรวจสอบส่งออกน้ำมัน สกัดลักลอบส่งน้ำมันไปกัมพูชา

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณการส่งออกน้ำมัน ทั้งทางบก-ทางเรือ พร้อมร่วมมือกองทัพเต็มที่ สกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา