
‘แบงก์ชาติ’ เผยสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2/68 หดตัวต่อเนื่อง ส่วนหนี้ อยู่ที่ 5.54 แสนล้านบาท ขยับเพิ่มเล้กน้อย จากสินเชื่อธุรกิจ ขณะที่สถานการณ์หนี้ครัวเรือน ไตรมาส 1/68 ชะลอ อยู่ที่ 87.4% ตามสินเชื่อครัวเรือนที่แผ่วลง
19 ส.ค. 2568 – นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 2/2568 โดยรวมยังหดตัวต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงมาอยู่ที่ -0.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัวต่อเนื่อง ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ยอดคงค้างสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไตรมาส 2/2568 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.54 แสนล้านบาท โดยหลักจากสินเชื่อธุรกิจ ส่งผลให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวม ทรงตัวอยู่ที่ 2.91% ขณะที่สินเชื่อธุรกิจอยู่ที่ 2.74% เพิ่มขึ้นจาก 2.68% ในสิ้นปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจที่มีวงเงินน้อยกว่า 500 ล้านบาท มี NPL อยู่ที่ 7.62% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนที่ 7.28% ส่วนกลุ่มวงเงินสินเชื่อมากกว่า 500 ล้านบาท มี NPL อยู่ที่ 1.04% สำหรับสินเชื่อ Stage 2 ปรับลดลงในเกือบทุกพอร์ต โดยหลักเป็นการจัดชั้นดีขึ้นของลูกหนี้ที่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้สัดส่วน stage 2 ลดลงอยู่ที่ 6.88% ขณะที่ปริมาณ NPL ของสินเชื่ออุปโภคบริโภคปรับลดลงทุกประเภท
“สำหรับผลการดำเนินงาน ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยหลักจากรายได้เงินปันผลตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองปรับเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบนโยบายการค้าโลก ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ปรับลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและปริมาณสินเชื่อที่ลดลง รวมทั้งจากมาตรการคุณสู้ เราช่วย ที่มีการลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ ส่งผลให้ภาพรวมระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคง และมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง” นางสาวสุวรรณี กล่าว
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามภาวะการเงินที่ยังตึงตัว และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ และครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ฟื้นตัวช้า และมีภาระหนี้สูง รวมถึงธุรกิจ และครัวเรือนที่อาจได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมต่อฐานะการเงิน จากผลกระทบมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนติดตามผลสำเร็จของการให้ความช่วยเหลือภายใต้โครงการคุณสู้เราช่วย
โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 87.4% ต่อจีดีพี ปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 88.4%) จากสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ขยายตัวชะลอลงเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคธุรกิจ มีสัดส่วนหนี้สินต่อจีดีพีลดลงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่วนการก่อหนี้ทรงตัว ด้านความสามารถในการทำกำไรโดยรวม ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน แม้ภาคการผลิตปรับดีขึ้นจากการเร่งผลิตเพื่อส่งออก แต่ภาคการท่องเที่ยว และภาคบริการอื่น ๆ เผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง และกำลังซื้อที่ชะลอลงในตลาดที่อยู่อาศัย


