'ธนารักษ์' ผุดโครงการ Landlord Sharing ยกระดับบริหารที่ราชพัสดุรองรับด้านสังคม

‘ธนารักษ์’ เปิดตัวโครงการ Landlord Sharing ยกระดับบริหารที่ราชพัสดุรองรับโครงการด้านสังคม ผนึก ‘สาธารณสุข’ ปลดล็อกใช้พื้นที่ในความครอบครอง 30 ปี วางรากฐานการจัดการด้านสาธารณสุขในระยะยาว นำร่อง 6 โรงพยาบาล

23 ส.ค. 2568 – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้เปิดตัวโครงการ Landlord Sharing เพื่อยกระดับการบริหารที่ราชพัสดุรองรับโครงการด้านสังคมและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยกรมธนารักษ์ได้จัดทำหลักเกณฑ์เพื่อมอบอำนาจให้หน่วยงานที่ครอบครองที่ราชพัสดุสามารถดำเนินการใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ภายใต้กรอบการกำกับที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดขั้นตอนทางราชการ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนโครงการด้านสังคมและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีที่ราชพัสดุรวมกว่า 12.6 ล้านไร่ และกว่า 10 ล้านไร่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ โดยบางพื้นที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ ส่งผลให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนา เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดดังกล่าว กรมธนารักษ์ จึงได้ออกโครงการ Landlord Sharing ซึ่งเป็นการนำที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาพัฒนาภายใต้โครงการเชิงสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ สร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ลดภาระงบประมาณแผ่นดิน

นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง เรื่องการมอบอำนาจให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจัดหาประโยชน์ในพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครอบ เพื่อวางรากฐานในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในระยะยาว โดยการมอบอำนาจนี้ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์ ยืนยันว่าที่ดินราชพัสดุยังคงเป็นของรัฐ ระยะเวลาการใช้ประโยชน์ไม่เกิน 30 ปี และเพื่อความโปร่งใส หน่วยงานที่รับมอบอำนาจต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อกรมธนารักษ์ทุกไตรมาส หากฝ่าฝืนข้อตกลง กรมฯ มีสิทธิเพิกถอนอำนาจได้ทันที

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า กรมธนารักษ์​ยังได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ VALUE จากสินทรัพย์ที่ถูกมองข้ามสู่พลังขับเคลื่อนประเทศ โดยหัวใจสำคัญ คือการมุ่งสร้างคุณค่า (Value Creation) และ แบ่งปันคุณค่า (Value Sharing) ผ่านการใช้ทรัพย์สินของรัฐให้เกิดประโยชน์รอบด้าน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ, การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน, การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนบริการสาธารณะที่จำเป็น

นายแพทย์โอภาส การน์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับโครงการนำร่องนี้ ได้เลือกมาทั้งสิ้น 6 โครงการนำร่อง (Sandbox) ในการก่อสร้างอาคารสำหรับศูนย์บริการทางการแพทย์, หอผู้ป่วยพิเศษ และอาคารจอดรถ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุข ให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง ได้แก่ 1. โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ 2. โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย ศูนย์ Wellness (ศูนย์สุขภาพและฟื้นฟู) สถานพักฟื้นและรอรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

3. โรงพยาบาลสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบด้วย ศูนย์บริการมะเร็ง หัวใจ และเวชศาสตร์วิถีชีวิต พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ 4. โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ 5. โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ (โรงพยาบาลบางละมุง) จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ ที่พักระหว่างการรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ และ 6. โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประกอบด้วย อาคารบริการและสนับสนุนทางการแพทย์

เพิ่มเพื่อน