
‘การบินไทย’ จับมือพันธมิตรถกแนวโน้มการท่องเที่ยวปี 68 ครึ่งปีแรกเดินทางเพิ่มขึ้น 45% ญี่ปุ่นยังครองแชมป์ ส่วน ‘จีน’ หมุดหมายมาแรงแซงโค้ง พุ่ง จับตา ‘โคลัมโบ -ศรีลังกา-เซี่ยงไฮ้’ ได้รับความสนใจ ส่วนพฤติกรรมนทท.เปลี่ยนโฟกัสทริปคุ้มค่าใกล้บ้าน ใช้ AI วางแผนเที่ยว
3 ก.ย. 2568 – นายกิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากสถิติผู้โดยสารคนไทยของการบินไทยช่วงมกราคมถึงกรกฎาคม 2567 เส้นทางยอดนิยม 5 อันดับแรกจากกรุงเทพฯ สู่เอเชีย ได้แก่ โตเกียว (นาริตะ), ฮ่องกง, โอซาก้า, สิงคโปร์ และเกาหลี (โซล) แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2568 โตเกียวยังคงครองแชมป์ ส่วนสิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ขยับขึ้นมาเป็นที่ 2 และ 3 แทนที่ฮ่องกงและโอซาก้า ส่วนโซล เกาหลีใต้ ยังติดท็อป 10
สำหรับเส้นทางที่มีอัตราการเติบโตน่าสนใจคือ เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกาที่ได้รับความนิยมจากคนไทยเพิ่มขึ้นกว่า 100% ด้านเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนก็มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า 80% เช่นกัน โดยในปี 2568 การบินไทยเพิ่มเที่ยวบินในหลายเส้นทางเพื่อรอบรับความต้องการใหม่ ๆ เช่น เซี่ยงไฮ้ โคลัมโบ และเดนปาซาร์ (บาหลี) เป็นต้น
“ในมุมมองของการบินไทย เมืองกวางโจว เป็นอีกหนึ่งเมืองที่กำลังมาแรง ปี 2568 ถูกมองว่าเป็นอัญมณีที่ซ่อนอยู่(Hidden Gem) ที่มีศักยภาพสูงสำหรับตลาดไทย เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้า (Canton Fair) หรือนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ต้องการสัมผัสกับร้านค้าทันสมัย อาหารอร่อย และวัฒนธรรมอันเป็นแหล่งกำเนิดของกังฟูหวงเฟยหงส์ ”นายกิตติพงษ์กล่าว
นอกจากนี้การบินไทยยังมีเที่ยวบินตรงสู่กวางโจว ทำให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น เนื่องจากนักเดินทางไทยปัจจุบันให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายมากขึ้น นิยมบินฟูลเซอร์วิสที่จ่ายครั้งเดียวแล้วครบทุกความต้องการ การบินไทยตอบโจทย์ความต้องการของผู้โดยสารเพื่อความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ด้วยเครื่องบิน Airbus A320 ได้อัปเกรดที่นั่งทุกลำให้มีชั้น Royal Silk หรือชั้นธุรกิจที่สามารถปรับเอนนอนได้สบายยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มพรีเมียมที่ใส่ใจเรื่องความสบายระหว่างเดินทางแม้ในเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการด้วยเครื่องบินลำใหญ่ ห้องโดยสารกว้าง มาพร้อมกับระบบ In-flight Entertainment ที่ทันสมัย และอาหารระดับพรีเมียมที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถันในทุกชั้นโดยสาร
ด้านนางสาวจุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย เปิดเผยว่าแม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะดูไม่สดใสนัก แต่ตัวเลขการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยกลับสวนทาง โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและน่าจับตา โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากจำนวนที่เพิ่มขึ้นแล้ว พฤติกรรมและแนวโน้มการท่องเที่ยวของคนไทยก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและความสะดวกสบายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในสี่ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปต่างประเทศ เดินทางมากกว่าหนึ่งครั้ง แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการเดินทางซ้ำ และนักเดินทางชาวไทยเริ่มมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตนเองมากขึ้น โดยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่น่าสนใจ โดยพบว่านักท่องเที่ยวถึง 45% เลือกเดินทางไปยังกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายแต่ยังคงได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เต็มอิ่ม เช่นเดียวกับการเดินทางไปยังประเทศในโซนยุโรปหรืออเมริกา
“ปัจจุบันพบว่าเทคโนโลยีคือผู้ช่วยส่วนตัว ในการวางแผนเดินทางของคนไทยในยุคนี้ผสานรวมกับเทคโนโลยีอย่างแยกไม่ออก ตั้งแต่การใช้ AI เช่น Chat GPT เพื่อช่วยวางแผนทริป, การหาข้อมูลและรีวิวจากโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และ Facebook ไปจนถึงการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดและจัดการอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าเพื่อความคุ้มค่าและสะดวกสบายสูงสุด โดยการตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายที่สามารถบริหารจัดการได้ ความสะดวกสบายในการเดินทาง และประสบการณ์ที่น่าประทับใจ”นางสาวจุฑาศรี กล่าว
นอกจากนี้ พบว่าญี่ปุ่น ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวชาวไทยตลอดกาล โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวไทยหนึ่งในสามที่เดินทางไปญี่ปุ่นเลือกใช้บริการการบินไทย นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็นแนวโน้มการเดินทางไปยังเมืองรองมากขึ้น เช่น ฟุกุโอกะ และ โอกินาว่า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและมีเที่ยวบินที่สะดวกสบาย
สำหรับจีนถือเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 180% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เมืองยอดนิยมได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เฉิงตู และ กวางโจว ซึ่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่ การยกเว้นวีซ่าสำหรับคนไทยทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น อิทธิพลของ Soft Power ซีรีส์และวัฒนธรรมจีนที่แพร่หลายทำให้คนไทยหันมาสนใจเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์จริงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและที่พักในจีนโดยรวมถูกกว่าญี่ปุ่นถึง 3 เท่า ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นอกจากญี่ปุ่นและจีนแล้ว ประเทศอื่น ๆ ใน Top 10 ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง และ เกาหลีซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ในเรื่องการกิน ช้อปปิ้ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความงาม


