ความ(คาด)หวัง ‘ทีมเศรษฐกิจ’ ภูมิใจไทย คืนชีพ ‘คนละครึ่ง’ เปิดเกมภารกิจท้าทายจากนโยบายสู่การปฏิบัติ!!

หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ บรรยากาศทางการเมืองก็เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมสำหรับการเดินหน้าแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะใน ด้านเศรษฐกิจ ที่ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนอันดับต้นๆ ที่ประชาชนให้ความสนใจ รัฐบาลภายใต้การนำของ พรรคภูมิใจไทย จึงตกเป็นเป้าหมายของความคาดหวังจากทุกภาคส่วน ว่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวให้กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง!?!?

ล่าสุด! ได้มีการเปิดเผยโฉมหน้าของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่เตรียมจะเข้ามาทำงานอย่างเป็นทางการ โดยมีบุคลากรที่มีประสบการณ์ในด้านการบริหาร การคลัง ด้านเศรษฐกิจ และนโยบายสาธารณะ เข้ามารับหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง ท่ามกลางกระแสความสนใจจากประชาชนถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยเฉพาะโครงการที่เคยประสบความสำเร็จในอดีตอย่าง ‘คนละครึ่ง’ ที่หลายฝ่ายต่างจับตามองว่าเป็นโครงการที่จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในฐานะเครื่องมือฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า

บทบาทและความเคลื่อนไหวของทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ในระยะเริ่มต้นจึงเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งในแง่ของนโยบายที่กำลังจะผลักดัน การจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณ ตลอดจนมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งล้วนมีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง ภายใต้ความคาดหวังของสังคมต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะตามมาในอนาคตอันใกล้

หนุนรัฐบาลใหม่เร่งสร้างความเชื่อมั่น

‘ทีมเศรษฐกิจ’ แน่นอนว่าเมื่อเป็นที่จับตามอง ก็ย่อมต้องมาพร้อมความคาดหวังกับนโยบายต่างๆ ที่จะถูกผลักดันออกมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของไทยในภาวะที่ค่าครองชีพสูง สถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือนยังน่าเป็นห่วง ซึ่งได้ส่งผลกระทบเป็นห่วงโซ่ไปในทุกมิติ แต่โจทย์สำคัญของรัฐบาลชุดนี้คือ ‘ระยะเวลา 4 เดือน’ ที่อาจเป็นเงื่อนตายบีบให้ทีมเศรษฐกิจต้องเร่งแสดงฝีมือกู้เศรษฐกิจของประเทศ พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่า หอการค้าฯ มีความคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเร่งดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้าอย่างจริงจัง จัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประกอบด้วยบุคลากรคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ เข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจ และยึดมั่นในประโยชน์ของประเทศและประชาชนเหนือผลประโยชน์ทางการเมือง เพื่อร่วมกันฟื้นฟูความเชื่อมั่นและสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศไทย

พร้อมทั้งสนับสนุนนโยบายเร่งด่วน 4 ด้านของรัฐบาล นั่นคือ ด้านเศรษฐกิจ โดยการดำเนินมาตรการลดค่าครองชีพ ทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน การเดินทาง แก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ควบคู่กับการสร้างรายได้และโอกาสใหม่ให้กับประชาชน, ด้านความมั่นคงชายแดน ผ่านการจัดการปัญหาข้อพิพาทชายแดนด้วยแนวทางสันติ ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และดูแลเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วและทั่วถึง, ด้านภัยธรรมชาติ ผ่านการพัฒนาระบบเตือนภัย การป้องกัน และกลไกเยียวยาฟื้นฟู เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ได้รับการชดเชยอย่างเป็นธรรม ทันท่วงที และด้านภัยสังคม ด้วยการเร่งรัดมาตรการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การหลอกลวงออนไลน์ รวมถึงปัญหาการพนันและการพนันออนไลน์

เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงโฉมหน้าทีมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่ล่าสุด ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ตอบรับเป็น รมว.พาณิชย์ ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะได้ผู้บริหารที่มีฝีมือ เพียงแต่ต้องประสานกับภาคราชการให้ราบรื่น เพราะหากเทียบกับ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เป็น รมว.พลังงาน สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็น รมว.การต่างประเทศ และ วรภัค ธันยาวงษ์ เป็น รมช.การคลัง ทุกคนล้วนผ่านการทำงานกับข้าราชการมาก่อน

ในส่วนของกระทรวงเศรษฐกิจที่เหลือ อยากให้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเช่นกัน ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อต้องทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมกับคลัง พลังงาน และพาณิชย์ ซึ่งพบว่าทั้ง 4 กระทรวงมีรัฐมนตรีมาจากพรรคร่วมรัฐบาล จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีสร้างกลไกที่ทำให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจทุกกระทรวงทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ต่างคนต่างทำเหมือนในอดีต ต้องสร้างกลไกการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพให้ได้

และแน่นอน มีการบ้านสำคัญที่ภาคเอกชนอยากฝากเป็นโจทย์ให้ทีมเศรษฐกิจเร่งดำเนินการ นั่นคือ ปัญหาเรื่อง ‘การแข็งค่าของเงินบาท’ ซึ่งขณะนี้เงินบาทไทยแข็งค่าเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค และตั้งแต่ต้นปีแข็งค่าขึ้น 7% หลายฝ่ายคาดว่าจะแข็งค่าถึงระดับ 31.50 บาท เรื่องนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย กังวลมาก จึงเตรียมนำเสนอต่อรัฐบาล ทั้งกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยจะนำเสนอทันทีหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีผลและเริ่มทำงาน

อีกหนึ่งอุตสาหกรรมอย่าง ‘ภาคการท่องเที่ยว’ ที่ก็ต่างคาดหวังกับรัฐบาลชุดใหม่ไม่แพ้กัน โดย เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) ให้ความเห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ การสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย หากสามารถทำให้เห็นได้ชัดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยได้อย่างปลอดภัย โอกาสในการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นทันที เพราะพื้นฐานของการท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่งและพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว

โดยเสนอให้รัฐบาลตั้งทีมโฆษกเฉพาะกิจด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยว ทำหน้าที่สื่อสารความคืบหน้าการจับกุมผู้กระทำผิด การปราบปรามขบวนการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการเชิงรุกที่หน่วยงานต่างๆ ไม่ใช่การต่อต้านข่าวลบ แต่เป็นการตอบสนองต่อข่าวสารอย่างทันท่วงที หากทำได้จริงจะเป็นผลงานที่จับต้องได้ของรัฐบาล แม้จะอยู่ในวาระเพียงไม่กี่เดือน

ขณะที่ ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ขณะนี้ ททท.อยู่ระหว่างออกโครงการ ‘ทัวร์ไทยคนละครึ่ง’ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังกระแสโครงการคนละครึ่งได้รับเสียงตอบรับดี ขณะที่งบประมาณที่จะมาใช้ในโครงการนี้อาจพิจารณาขอใช้งบคงเหลือจากโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งหากมี โดยจะนำเสนอรัฐบาลเพื่อเร่งดำเนินการและกระตุ้นการเดินทางคนไทยเที่ยวไทยก่อนที่ค่าเงินบาทที่แข็งจะเปลี่ยนใจคนไทยแห่เที่ยวนอกในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีนี้มากขึ้น

“มั่นใจว่าจะเป็นการช่วยผู้ประกอบการนำเที่ยว ที่จะสร้างสรรค์สินค้าการท่องเที่ยวใหม่ๆ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับคนไทย ซึ่งแน่นอน จะส่งผลขยายต่อถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย โดย ททท.ไม่เพียงมองเศรษฐกิจระดับใหญ่ แต่ยังใส่ใจถึงกำลังซื้อของคนไทยทุกครัวเรือน ขณะนี้ ททท.อยู่ระหว่างการเตรียมรายละเอียดเพื่อหารือกับรัฐบาลและบริษัททัวร์เพื่อจัดแคมเปญที่ว้าว สร้างแรงจูงใจให้คนไทยเที่ยวในประเทศ และกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศอีกด้วย”ขณะที่ วรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเผยถึงมุมมองต่อสถานการณ์การเมืองไทย ว่า ภาคเอกชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเมือง และความต่อเนื่องของนโยบาย เป็นปัจจัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศปกติแล้ว สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อยครั้งสร้างผลเสียมากกว่าผลดี เพราะจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจต่อผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยมองว่าหากรัฐบาลสามารถสร้างความต่อเนื่องทางนโยบายได้ โครงการดีๆ ที่ริเริ่มไว้ก็จะเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด และจะทำให้เอกชนมั่นใจและลงทุนได้มากขึ้น

พร้อมทั้งมองว่า ไทยควรให้ความสำคัญของการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว โดยมองว่าประเทศไทยควรเรียนรู้จากคู่แข่งในภูมิภาค เช่น เวียดนาม ที่มีเสถียรภาพทางการเมืองสูง และรัฐบาลสามารถผลักดันโครงการใหญ่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไม่หยุดชะงัก ซึ่งประเทศไทยจะต้องมองรอบด้านและกลับมาย้อนดูว่าไทยจะรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างไร

หวัง ‘คนละครึ่ง’ คืนชีพช่วยกระตุ้น ศก.

สำหรับโครงการที่รัฐบาลยืนยันแล้วว่าจะปัดฝุ่นนำกลับมาดำเนินการอีกครั้งอย่าง ‘คนละครึ่ง’ ที่ถูกจับตามองและกลายเป็นอีกหนึ่งความคาดหวังในการปลุกเศรษฐกิจไทยอีกครั้งนั้น ภาคเอกชนอย่าง จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า Grab พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่หากมีการนำโครงการ ‘คนละครึ่ง’ กลับมาอีกครั้งเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งร้านขนาดเล็กและขนาดกลางที่น่าจะได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลที่ Grab เคยสนับสนุนโครงการเมื่อ 3 ปีที่แล้วพบว่าโครงการนี้สามารถสร้างผลเชิงบวกที่เป็นรูปธรรม โดยร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการในช่วงที่ผ่านมามียอดขายเติบโตขึ้นสูงสุดถึง 5 เท่า หากรัฐบาลประกาศโครงการอย่างเป็นทางการ Grab พร้อมร่วมผลักดันทั้งในรูปแบบของแคมเปญการตลาด การให้ส่วนลด หรือโปรแกรมแพ็กเกจเพื่อจูงใจร้านค้าต่างๆ

ขณะที่ ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า จากแนวคิดการนำโครงการ ‘คนละครึ่ง’ กลับมา จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมากระแสในโลกโซเชียลส่วนมากก็ค่อนข้างเห็นด้วย และอยากให้มีการจัดทำโครงการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยบริษัทเองก็เป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่ต้องการสนับสนุนอยู่แล้ว เนื่องจากในแพลตฟอร์มมีร้านค้ารายย่อยค่อนข้างเยอะ หากมีโครงการดังกล่าวก็จะช่วยร้านค้าให้มีลูกค้ามากขึ้น

“ก่อนหน้าที่มีโครงการ ต้องบอกว่าแทบไม่มีจุดอ่อน แต่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเรื่องการใช้คูปองบ้างเล็กน้อย และการใช้ Co-Payment เป็นหลักการที่ถูกต้อง และดีกว่าแจกเงินช่วยเหลือแบบ 100% หากต้องการนำโครงการกลับมาก็สามารถใช้ระบบเทคโนโลยีและข้อมูลเดิมได้เลย ซึ่งโครงการคนละครึ่งคราวก่อน สามารถทำให้ร้านค้ามียอดโต 1.7-4 เท่า และลูกค้าก็ยังใช้บริการร้านค้านั้นๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย”

สำหรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เท่าที่ทราบก็จะมี เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่จะเข้ามาเป็น รมว.การคลัง ซึ่งส่วนตัวมองว่าเหมาะสม เป็นคนมีความสามารถ มีความรู้ เชื่อมั่นว่าจะเข้ามาดูในเรื่องของเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการคณะทำงานจัดการองค์ความรู้และสื่อสารสาธารณะ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงการ ‘คนละครึ่ง’ ว่า ในเวอร์ชันใหม่นี้ มองว่า เหมาะสม และ ดี เป็นช่วงที่จะกระตุ้นกำลังซื้อได้ดี ทั้งการออกแบบสัดส่วนของเงินก็อยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ต้องมั่นใจว่าจะมีวงเงินมากพอที่สร้าง Impact สูงๆ และสามารถที่จะทำได้เร็ว ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อีกประเด็นที่สำคัญและเป็นข้อดี คือ ใช้เงินน้อยกว่าการแจกเงินก้อน และเห็นผลทันที คนก็คุ้นเคยมาตรการนี้อยู่แล้ว ดังนั้นคนสามารถจะเริ่มได้ทันที ผู้ประกอบการก็พร้อมทันที ข้อเสียน่าจะเกิดตรงที่จะออกแบบยังไงให้มาเร็ว เงินมากพอ กระจายมากพอ ที่ทำให้เกิดผลได้ไม่กระจุกตัว คนละครึ่งแบบ 60:40 เหมาะแล้วในเวลานี้ เพราะว่าจะทำให้เกิดแรงจูงใจให้กับคนที่มีกำลังซื้อมากขึ้น ก็ดีกว่าการที่รัฐจะจ่ายให้แบบ 100%

สำหรับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่เพิ่งออกมาเป็นนักบริหารมืออาชีพ ถ้ามองตอนนี้กับประสบการณ์ที่ผ่านมาขอให้คะแนน 8.5-9 เต็ม 10 จะเห็นว่ามีเสียงตอบรับดีมากในแง่ของสังคมและวิชาการ ที่มองว่ามีความพร้อม แต่ในหลายครั้งที่มีความพร้อม ขณะที่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี (ครม.) และทีมการเมืองไม่พร้อมที่จะยอมรับและช่วยเหลือเขา อาจจะทำให้ความหวังมันอาจจะไม่ใช่ความหวังที่เป็นจริงได้ ต้องมาดูกันอีกทีว่าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะได้การสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน

'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'

นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568