‘กยศ.’ การันตีไม่เกิน ก.ย. 68 เดินเครื่องคำนวณยอดหนี้ของผู้กู้แบบใหม่แล้วเสร็จ กางผลงานเหลือตกค้างอีก 2 ล้านราย พร้อมโชว์ปีนี้ปล่อยกู้อุ้มนักเรียน-นักศึกษาแล้ว 5.84 แสนราย เป็นเงิน 3.71 หมื่นล้านบาท เตรียมอีก 4 หมื่นล้านบาท ปล่อยกู้ปีการศึกษา 69 ยอมรับต้องกลับมาขอจัดสรรงบประมาณต่ออีก 4 ปี หลังยอดเงินเข้า-ออกไม่บาลานซ์
18 ก.ย. 2568 – นางสาวนันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการคำนวณยอดหนี้ของผู้กู้แบบใหม่ (Recalculation) ว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปกว่า 2 ล้านราย จากทั้งหมด 4 ล้านราย โดยยังเหลือการคำนวณยอดหนี้ใหม่ของผู้กู้อีกราว 2 ล้านราย ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2568 ส่วนประเด็นเรื่องการคำนวณยอดหนี้ผิดในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ ส่วนหนึ่งเพราะระบบของ กยศ. ค่อนข้างใหญ่ มีหน่วยงานและคนที่เกี่ยวข้องในระบบรวมกว่า 15 ล้านคน แต่ที่ผ่านมาก็ได้เร่งดำเนินการแก้ไขแล้ว
สำหรับการดำเนินงานให้กู้ยืมเงินในปีการศึกษา 2568 นั้น กยศ. ได้ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 584,677 ราย เป็นวงเงินให้กู้ยืมกว่า 37,163 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.ย. 2568) โดยมุ่งเน้นการให้เงินกู้ยืมแก่นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และผู้ที่ศึกษาในหลักสูตรหรือสาขาวิชาที่ขาดแคลนและเป็นความต้องการหลักของประเทศ ซึ่งเป็นการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้กับประเทศในระยะยาว
โดย กยศ. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2568 และงบกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล จำนวน 19,000 ล้านบาท ควบคู่กับเงินทุนหมุนเวียนที่ได้รับชำระคืนจากผู้กู้ยืมเงินรุ่นพี่ เพื่อให้การกระจายโอกาสทางการศึกษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมโอกาสการมีงานทำให้แก่ประชาชนทั่วไปอายุ 18 – 60 ปี ด้วยหลักสูตรอาชีพหรือเพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ หรือการเรียนรู้ (Reskill/Upskill) ส่วนในปีการศึกษา 2569 กยศ. ได้เตรียมงบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท สำหรับรองรับการปล่อยกู้นักเรียน นักศึกษาต่อไป
ขณะที่คาดว่าในปีนี้ กยศ. จะสามารถเรียกชำระเงินจากลูกหนี้ได้ราว 2.7 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ผู้กู้กลับเข้ามาในระบบ ไม่ให้เป็นหนี้ค้างชำระ ขณะที่ภาพรวมการผิดนัดชำระหนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยปัจจุบันมีการผิดนัดชำระหนี้ 2.4 ล้านราย คิดเป็น 64% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงการปรับโครงสร้างหนี้ และโครงการ Recalculation เป็นสำคัญ
“ตั้งแต่ปี 2561-2567 กยศ. ไม่ได้มีการขอรับงบประมาณเลย โดยเป็นการบริหารจัดการจนตั้งตัวได้ สามารถเป็นกองทุนหมุนเวียนที่สมบูรณ์แบบได้ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา เราดำเนินการลักษณะนี้มา 7 ปี จนถึงปี 2568 กยศ. ต้องมาขอรับงบประมาณต่อ เพราะว่าเงินที่ออกไปกับเงินที่ได้รรับกลับเข้ามาไม่เท่ากัน แม้ว่าข้อเท็จจริงที่ผ่านมาเงินดังกล่าวก็ไม่เท่ากันอยู่แล้ว เพราะเราปล่อยกู้อยู่ที่ 3-4 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่ตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา กยศ. ปล่อยกู้ไปเกือบ 5 หมื่นล้านบาท แต่รับกลับมาสูงสุดที่ 3.2 หมื่นล้านบาท จากปกติชำระหนี้กลับมาเฉลี่ย 2.2-2.8 หมื่นล้านบาท ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถบาลานซ์ได้ เงินออกมากกว่าเงินเข้า ซึ่งก็ประเมินว่า กยศ. อาจจะต้องขอรับจัดสรรงบประมาณต่ออีก 4 ปี” นางสาวนันทวัน กล่าว
สำหรับการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมเงินที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ผู้กู้ยืมเงินสามารถเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ กยศ. ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีผู้กู้ยืมเงินทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ทั้งในรูปแบบกระดาษและรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์กับ กยศ. แล้วกว่า 720,783 ราย ทั้งนี้ เมื่อผู้กู้ยืมเงินทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว กยศ. จะปลดภาระผู้ค้ำประกันทันที และผู้กู้ยืมเงินสามารถผ่อนชำระเงินคืน กยศ. เป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน โดยขยายเวลาผ่อนชำระได้นานถึง 15 ปี และในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมเงินต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเมื่อชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว กยศ. จะให้ส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด 100%
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน กยศ. ได้ให้โอกาสแก่นักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 7,158,155 ราย เป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 820,786 ล้านบาท ประกอบด้วย ผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการศึกษา/ปลอดหนี้ 1,344,732 ราย ผู้กู้ยืมเงินที่ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว 2,052,811 ราย ผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3,685,357 รายบัญชี และผู้กู้ยืมเงินเสียชีวิต/ทุพพลภาพ 75,255 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค. 2568)
