บอร์ด รฟท.เคาะขยายเวลาสร้างทางคู่บ้านไผ่–นครพนม หลังติดปมส่งมอบ

บอร์ด รฟท.อนุมัติขยายสัญญาสร้างทางคู่บ้านไผ่–นครพนม หลังติดปัญหาส่งมอบ ไฟเขียวซ่อมคันทางแก่งคอย ขีดเส้นภายมรระยะเวลา 24 เดือน พร้อมเดินหน้าหารือเอกชนเคลียร์ร่างสัญญาไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน

22 ก.ย. 2568 – นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 มีมติเห็นชอบการขยายสัญญาก่อสร้างรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่–มหาสารคาม–ร้อยเอ็ด–มุกดาหาร–นครพนม ช่วงหนองพอก–สะพานมิตรภาพ 3 (สัญญาที่ 2) ซึ่งดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า ยูนิค (UNIC) หลังโครงการเกิดความล่าช้าเนื่องจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง โดย รฟท. เพิ่งสามารถส่งมอบพื้นที่บางส่วนได้เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ทำให้ผู้รับจ้างไม่สามารถเร่งรัดงานได้ตามแผนเดิม จึงต้องขยายสัญญาเพิ่มอีก 383 วัน จากกำหนดเดิมสิ้นสุดสัญญา วันที่ 30 มีนาคม 2570 เป็นวันที่ 16 เมษายน 2571

ทั้งนี้ รฟท. คาดว่าจะส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดครบภายในเดือนธันวาคม 2568 เพื่อเร่งให้โครงการเดินหน้าได้ตามแผนใหม่ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เชื่อมการคมนาคมและโลจิสติกส์ไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันได้เห็นชอบว่าจ้างกิจการร่วมค้า เคเอ ซึ่งประกอบด้วยบริษัท เคนเบอร์ จีโอเทคนิค (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท เอเชี่ยน เรล จำกัด ดำเนินงานซ่อมแซมและเสริมความมั่นคงคันทางรถไฟสายแก่งคอย บริเวณ กม.164–165 ช่วงสถานีชุมทางบ้านไผ่นาบุญ–ชุมทางหนองบัว จังหวัดสระบุรี มูลค่างานรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 225,361,100 บาท โดยจะใช้เทคนิคทางวิศวกรรมโยธาหรือการยิงตะปูเหล็กเข้าไปยึดโครงสร้างดิน เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับเส้นทางที่มีโค้งและความลาดชันสูง ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงเกิดการพังทลาย โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการ 24 เดือน

นายอนันต์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ว่า หลังจากสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาและให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับร่างสัญญาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันระหว่าง รฟท. และเอกชนคู่สัญญา เพื่อปรับแก้ร่างสัญญาให้ถูกต้องตามกฎหมายมากที่สุด โดยเฉพาะการแก้ไขถ้อยคำและตัวเลขบางส่วนที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน หลังจากนั้นจะนำประเด็นดังกล่าวหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ให้มีความเห็นที่ตรงกัน ก่อนนำเสนอต่อบอร์ด รฟท. และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อพิจารณาอนุมัติในขั้นตอนต่อไป ยืนยันว่าการดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการและระเบียบที่กำหนด สามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นคง โปร่งใส และเกิดประโยชน์ต่อประเทศสูงสุด

เพิ่มเพื่อน