24 ก.ย.2568 - นายสมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ไทยจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศจริงหรือ” ระบุว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไว้ในระดับที่ดีมีเสถียรภาพจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ เช่น มูดี้ส์ (Moody) และเอสแอนด์พี (S&P) มานานหลายปีติดต่อกัน จนกระทั่งเมื่อประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนมุมมองของมูดี้ส์ให้ไทยอยู่ในสภาวะที่เป็นเชิงลบ (Negative) แต่ยังไม่ถึงขั้นลดอันดับเครดิตที่เขาได้จัดอันดับให้ไทยอยู่ที่ baa1
ต่อมาในระยะไม่กี่วันที่ผ่านมาของปลายเดือนกันยายนนี้ พร้อมๆกับการที่คณะรัฐมนตรีของท่านนายกฯ อนุทินได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยก็ถูกเตือนจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ให้ดูแลภาวะการคลังของประเทศให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตือนให้คณะรัฐบาลพยายามบริหารประเทศให้ระดับหนี้สาธารณะของประเทศที่มีทีท่าว่าจะเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับ 64.5% ของ GDP ให้มาอยู่ในระดับแค่ 60% ของ GDP ผมว่านี่เป็นคำเตือนจาก IMF ที่น่าสะพรึงกลัวมาก ถือได้ว่าเป็นการบอกใบ้จาก IMF ว่าไม่เช่นนั้นให้ระวังการถูกลดอันดับเครดิตของประเทศนะ
นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่คณะรัฐมนตรี 4 เดือน ที่นำโดยท่านนายกฯ อนุทินจะต้องมีการสำแดงการตอบรับอย่างจริงจังให้ IMF และนานาประเทศได้รู้เห็นโดยเร็ว ผมได้ยินเรื่องนี้จากหลายสำนักข่าวที่ติดตามเรื่องเศรษฐกิจของประเทศเรา ก็ได้รับฟังความห่วงใยของสื่อต่างๆ ว่าไทยเราจะถูกปรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศลดลงในเร็วๆนี้ มันน่ากลัวจริงๆนะครับ
ท่านที่ไม่ใช่นักการเงินการคลังทั้งหลาย ขอให้รับฟังและนำไปคิดให้ดีนะครับ ถ้าประเทศไทยเราซึ่งอยู่ในอาการของประเทศที่ยังไม่ฟื้นไข้อย่างในขณะนี้ มาเจอการลดอันดับเครดิตลงอีกขั้นเดียวอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
ประการแรกหนีไม่พ้นที่หุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะตก และจะถูกซ้ำเติมให้สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในขณะนี้ให้ยิ่งตกต่ำดำดิ่งลงไปอีก ประการต่อมาบรรดาหนี้ต่างประเทศทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีภาระต้องชำระอยู่จะต้องเจอกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แค่นี้ก็จะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาท และอัตราดอกเบี้ยในประเทศให้อยู่ในภาวะที่ดูไม่จืดอย่างแน่นอน
แล้วอย่างนี้จะแก้ไขกันอย่างไร ? จากความเห็นส่วนตัวของผมที่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มานานตั้งแต่สมัยก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 ผมอยากจะบอกว่าถึงเวลาที่ท่านนายกฯ อนุทินที่พยายามแสดงความจริงจังในการบริหารประเทศหลายด้านในขณะนี้ จะต้องหันความสนใจแบบสุดๆ มาดำเนินการป้องกันไม่ให้ประเทศถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือภายในช่วง 4 เดือนนี้ให้ได้
มาตรการที่จะต้องงัดมาใช้ด่วนมีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดหารายได้ของรัฐบาลให้นักลงทุนนานาประทศมองเห็นว่าเป็นมาตรการที่จะสร้างความยั่งยืนของภาวะเศรษฐกิจไทยในระยะยาวได้จริงๆ มาตรการนี้ทำได้เลยในช่วง 4 เดือนนี้ ซึ่งรัฐบาลสามารถทำได้เร็วกว่ามาตรการเพิ่มการส่งออกและการท่องเที่ยว และมาตรการเพิ่ม GDP อื่นๆที่กำลังว้าวุ่นทำกันอยู่มากทีเดียว
ขอเรียนเสนอแนะกันตรงๆนะครับ ท่านนายกรัฐมนตรีและท่านรองนายกด้านเศรษฐกิจจะต้องกล้าเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้ได้อีก 1 เปอร์เซ็นต์ แล้วตามด้วยมาตรการด้านภาษีอื่นๆ อีกให้เห็นเป็นรูปธรรมได้เป็นชุดๆ
ขอให้สลัดความกลัวคะแนนนิยมของพรรคจะลดเหมือนนักการเมืองเก่า ที่คิดแต่จะหาผลประโยชน์เข้าพรรคตนเองอย่างเดียวสักครั้งเถอะครับ เชื่อได้เลยว่าท่านจะเปลี่ยนความคิดที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยเราจากทุกสถาบันจัดอันดับเครดิตได้แน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ธีระชัย' ผ่าทางตันภัยพิบัติ! ชี้วินัยคือทางรอด
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
'อนุทิน' เผยยึดตาม 'ทวี' ทูลเกล้าฯ ฎีกาทักษิณ
'อนุทิน' ปัดสกัด 'ทักษิณ' ช่วยเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้ง หลัง รมว.ยธ. สั่งปรับปรุงระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ รื้อระบบพักโทษนอกเรือนจำ ยันไม่ใช่พรรคชอบแก้แค้น
ทันควัน! ทวีรีบโยนให้ไปถามดีเอสไอเรื่องพยานคดีฮั้ว สว.กลับคำให้การ
'ทวี' โยน DSI แจง พยานกลับคำให้การ คดีฮั้วสว. หลัง อ้างถูกข่มขู่ซัดทอดไปยัง 'ภท.'
เพื่อไทยตื่น! งัดอดีต รมว.กต.นั่งแถลงประณามกัมพูชา
'เพื่อไทย' แถลงประณามกัมพูชาละเมิดปฏิญญาสันติภาพ ลักลอบวางทุ่นระเบิดซ้ำที่ห้วยตามาเรีย ชี้รัฐบาลต้องยกระดับกดดันผ่านอาเซียน-ประชาคมโลก พร้อมเสนอใช้หุ่นยนต์เก็บกู้ทุ่นระเบิด และเร่งปราบสแกมเมอร์
'อดีตรมว.การคลัง' แพร่บทความเตือน 'ไทยอาจต้องบรรลัยด้วยไทยเทา'
วันที่เศรษฐกิจสีเทาของไทยเรากำลังถูกแซะถูกเจาะ แล้วก็ถูกแฉออกมาอย่างมากมาย อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจสีแดงและสีเทาของประเทศเพื่อนบ้าน


