เมื่อ....พรรคธุรกิจการเมืองกับพรรคด้อยค่าชาติ ทำคนไทยผิดหวัง...แต่ยังมี 'ประชาธิปัตย์คัมแบ็ก'

การเลือกตั้งที่ผ่านมา หลายพรรคการเมืองร่าเริงกับการใช้วิธี “หาเสียงมักง่าย” ด้วยการ “ใส่ร้าย…ป้ายสี” ทำให้ได้กระแส และ คะแนนเสียงล้นหลามกับการเลือก “ฝ่ายประชาธิปไตย” ต้องไม่เอา ลุงตู่ ต้องไม่มี 3 ป. ทั้งพรรคแดงและพรรคส้ม

ด้านกลุ่มต่อต้านทักษิณ สุดขั้ว คือ อดีต กปปส. ก็เห็นว่า ลุงตู่ไม่ได้เคยใช้อำนาจทหารทำรัฐประหารเพื่ออำนาจตัวเอง แต่ต้องการให้บ้านเมืองกลับมาสงบ และ เตรียมการจัดการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับ “ปราบโกง” จึงสนับสนุนลุงตู่ต่อ

ในการต่อสู้หาเสียงแบ่งข้างอย่างสุดขั้ว ประชาชน “ต้านโกง” เลือก พรรคลุงตู่ รวมไทยสร้างชาติ ส่วนประชาชน “ต้านการสืบทอดอำนาจ” เลือก พรรคแดง หรือ พรรคส้ม

… พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งต้านโกง และ ต้านการสืบทอดอำนาจรัฐประหารกลับไม่มีจุดเด่นแรงพอทั้ง 2 ขั้ว และ อาจทำให้กลุ่มประชาชน ชาว กปปส. ที่ร่วมต่อสู้ร่วมกัน รู้สึกเจ็บหัวใจ ที่คุณอภิสิทธิ์ประกาศไม่สนับสนุนลุงตู่สืบทอดอำนาจ

… แต่ถ้าให้ความเป็นธรรม เราจะเห็นหัวใจงดงาม และ อุดมการณ์ยิ่งใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่แท้จริง

พรรคประชาธิปัตย์ มีประวัติต่อสู้เผด็จการทหารมาร่วม 80 ปี ตั้งแต่ยุคมืดประชาธิปไตย สมัยที่การสื่อสารยังไม่ก้าวหน้า การต่อสู้อำนาจเผด็จการเป็นเรื่องที่เสี่ยงสูงมาก แต่ ปชป. ก็ต่อสู้มาตั้งแต่สมัยเผด็จการ จอมพล ป. พิบูลสงคราม, จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์, จอมพล ถนอม กิตติขจร รวมถึงการต่อต้านรัฐประหารเพื่ออำนาจรัฐของผู้ปกครองมาโดยตลอด

อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ กล้าที่จะประกาศไม่ร่วมการ “สืบทอดอำนาจรัฐประหาร” เพื่อรักษาอุดมการณ์ 8 ทศวรรษ ของ ปชป. แม้จะกระทบจิตใจประชาชนชาว กปปส.ไปบ้าง แต่เป็นจุดยืนที่จริงใจ และ น่าจะรักษาไว้ เมื่อภารกิจพิเศษบังคัมใช้กฎหมายกับผู้โกงชาติสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ความจริงที่ประจักษ์ คือ เมื่อ ปชป. จะร่วมรัฐบาลกับลุงตู่ คุณอภิสิทธิ์ ก็รักษาคำพูด ด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรค เป็นความจริงใจต่ออุดมการณ์ต่อต้านการสืบทอดอำนาจรัฐประหารจริง

พรรคประชาธิปัตย์ ต้านการเอาประชาธิปไตยไปทำธุรกิจ เมื่อเห็นกลุ่มชินวัตรเอาประชาธิปไตยไปทำธุรกิจ โกงชาติมาทุกยุคทุกสมัย ใช้ประชานิยมเอาเงินรัฐซื้อคะแนนเสียง ให้ตัวเองได้อำนาจมาโกงชาติ ก็ต่อต้านโกงมาตลอด 20 ปี เมื่อถึงจุดสุดขั้วที่ท้าทายประชาธิปไตย สภาผู้แทนฯสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์เตรียมออก พรบ. นิรโทษกรรม หวังเอาอำนาจนิติบัญญัติ กดทับอำนาจตุลาการที่ได้ตัดสินด้วยหลักฐานชัดเจนว่า ทักษิณโกงชาติต้องโทษยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท ชาว ปชป. บางส่วน ที่หัวใจ “ต้านโกง” สุดขั้ว เมื่อเห็นว่า รัฐสภา ไม่สามารถหาทางออกได้ จึงออกมาต่อสู้ร่วมกับประชาชนจนได้ตั้งกลุ่ม กปปส. ซึ่งก็เป็นกลุ่มเลือด ปชป. ผู้รักประชาธิปไตยใสสะอาดกันทั้งสิ้น

อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อเห็นว่า ปชป. หลังจากต่อสู้กับ ระบอบทักษิณ โกงชาติ มาตลอด 20 ปี กลับปรับตัวเป็นพรรคเล็ก หวังเพียงร่วมรัฐบาล แม้กระทั่งร่วมกับพรรคชินวัตร คุณอภิสิทธิ์เหลือเพียงสถานภาพเป็นสมาชิก ปชป. ก็ลาออก แสดงจุดยืนรักษาประชาธิปไตยใสสะอาดต้านโกง และพร้อมกลับพรรค เมื่ออุดมการณ์กลับคืนมา

พรรคธุรกิจการเมือง กำลังรับผลการโกงชาติ คดีคลิปเสียงอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊ง เข้าข่ายถึง “ขายชาติ” วางตัวเองเป็นพวกเดียวกับอังเคิล และ พวกแม่ทัพภาค 2 เป็นพวกฝั่งตรงข้าม จนถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า มีพฤติกรรมขาดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงแล้ว พ่อทักษิณ ชินวัตร ก็เปิดเผยแผนความร่วมมือกับฮุนเซน ประกาศว่า ควรแบ่งทรัพยากรทางทะเลในพื้นที่ทับซ้อนตามนิยามกัมพูชา แบบ 50/50 หรือ ให้มี NO MAN LAND ในแนวที่ไม่ได้ปักเขตแดน ทั้งที่ พื้นที่ไทยที่ชัดเจนตามหลัก “สันปันน้ำ” ตามสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส 1907 ก็ไม่ต้องยอมเสียพื้นที่ฝั่งไทยไป แต่อย่างใด

บัดนี้ ประชาชนเห็นชัดแล้วว่า พรรคธุรกิจการเมือง ก็เอาการเมืองมาทำธุรกิจ ก่อนหน้านี้ โกงชาติ ทั้งการแก้สัมปทานโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต เอาเอ็กซิมแบงก์เอื้อธุรกิจกลุ่มชินฯ ฯลฯ และ ไม่หยุดแค่ในประเทศ แต่ยังมีแนวโน้มแบ่งเอาแผ่นดินไทย รวมถึงทรัพยากรทางทะเล ไปหาประโยชน์ส่วนตัวกับกลุ่มฮุนเซน ด้วยความสัมพันธ์ลึกซึ้งส่วนตัวอีกด้วย

ประชาชนเห็นชัด และ หลายคนตระหนักว่า พรรคธุรกิจการเมือง หาเสียงหวือหวาถูกใจ แต่ไม่จริงใจต่อประเทศ ถึงเวลา “ถอนทุน” ก็สร้างปัญหามากมาย หลังๆ พรรคชินวัตร ก็กลายเป็นต้นแบบ “ศูนย์การค้าทางการเมือง” เป็นศูนย์รวมให้กลุ่มเล็กกลุ่มน้อยทางการเมือง มาแบ่งเค้กอำนาจร่วมกัน แบ่งกระทรวงกันโกงชาติ ซึ่งไม่ยั่งยืน ประเทศไม่ก้าวหน้า จะเป็นพรรคเจ้าของธุรกิจโทรคมนาคม หรือ จะเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ก็อันตรายเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตให้ประชาชนวางใจได้ อย่างโครงการแลนด์บริดจ์ลงทุนกว่า 9 แสนล้านบาท จะใหญ่เกินไปไหม ? มีโครงการไม่น้อย ที่ผู้รับเหมาได้ประโยชน์ไปแล้ว แต่โครงการไม่ได้ให้ผลตอบแทนตามที่วางแผน ประเทศก็อาจเสียหาย เป็นหนี้สินมหาศาล แต่กลุ่มผู้รับเหมาก็กำไรไปแล้วมากมาย

พรรคส้ม ข่มทหาร ด้อยค่าศาล กำลังรับผลจากวาทกรรม “ชังชาติ” เช่นที่นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคส้มยุคก้าวไกล กล่าวปราศรัยว่า “ทหารมีไว้ทำไม ?” “ถ้ามีการรบกัน…ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะชนะ” เป็นวาทกรรมที่ทำให้ได้เสียงเคลิ้ม และคล้อยตามมากมาย แต่เมื่อความจริงปรากฏ กัมพูชารุกล้ำพื้นที่ไทย ยิ่งจรวดถล่มพื้นที่พลเรือน ประชาชนสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากมาย ทหารไทยก็ได้ทำหน้าที่ให้เห็นประจักษ์ แสดงแสนยานุภาพ ทั้ง เอฟ 16 หรือ กริฟฟิน ก็ทำให้กัมพูชาต้องยอมแพ้ ลนลานไปหานานาชาติ ให้ช่วยเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิงในทันที ถ้าทหารไทย กองทัพไทยไม่เข้มแข็ง เรื่องปัญหาชายแดนอาจบานปลายไปกว่านี้ ถ้ากองทัพอ่อนแอลง เอางบรถถังไปเป็นรถไถ หรือ ซื้อผ้าอนามัยแจกเด็กๆ ภารกิจการปกป้องประเทศอาจอ่อนแอ ประชาชนอาจเดือดร้อน ขาดความสงบสุข ปลอดภัย ถูกรุกรานได้

และ แม้เกิดเหตุการณ์แล้ว นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคส้มยุคอนาคตใหม่ ยังบอกว่า “ตกใจที่ประชาชนไว้วางใจทหาร” “ทหารควรฟังรัฐบาลพลเรือน” “อย่าปลุกชาตินิยมสร้างความเกลียดชัง” หรือ ช่อ พรรณิการ์ วานิชบอกว่า “มีบางคนไม่อยากให้สงครามจบ…เพราะในสงคราม บางคนเป็นฮีโร่…ใช่ไหม นี่คือคำถาม” ทั้งที่ทหารปกป้องชาติอย่างกล้าหาญและเสียสละ แม่ทัพภาค 2 สื่อสารกับเยาวชนของชาติ ก็เป็นกำลังใจให้ทหารแนวหน้าว่า ประชาชนที่อยู่ข้างหลัง ทุกเพศ ทุกวัย ซาบซึ้งใจในความกล้าหาญ เสียสละของเหล่าทหารหาญ ทำให้เกิดความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ ไม่ได้เกลียดชังใคร เท่าที่สื่อกันมา คนไทยก็ไม่ถูกทำให้ชังคนกัมพูชา แต่ให้ระวัง โดยเฉพาะ ผู้นำฉ้อฉล อันธพาลอย่างพ่อและลูกตระกูลฮุน

ประชาธิปไตยที่เป็นการ “ต่อสู้” จบแล้ว น่าจะกลับสู่การ “แข่งขัน” เสียที เพราะกฎหมาย “บังคับใช้” ได้แล้ว หลังถูก “ระบอบทักษิณ” ครอบงำประเทศมากว่า 20 ปี บัดนี้ คนโกงชาติก็กลับมารับโทษจำจองแล้ว พลเอก ประยุทธ ที่ใช้อำนาจพิเศษ ทำรัฐประหารเพื่อบังคับใช้กฎหมายเป็นการชั่วคราวก็จบภารกิจแล้ว ไปรับตำแหน่งองคมนตรีแล้ว จากที่เป็นเพียงการ “ต่อสู้” แบบสุดขั้ว ระหว่าง “ต้านโกง” กับ “ต้านการสืบทอดอำนาจรัฐประหาร” ประชาธิปไตยก็น่าจะกลับมาสู่ระบบปรกติ พรรคการเมืองจะได้แข่งกันด้านคุณภาพความคิด และ แข่งคุณภาพของคน เพื่อนำพาประเทศไทยเดินหน้าไปอย่างรุ่งเรืองเสียที

พรรคประชาธิปัตย์ คือ พรรคสถาบันพรรคเดียวในไทย พร้อมทั้งวิสัยทัศน์ บุคลากร และ ประสบการณ์แก้วิกฤตเศรษฐกิจไทยมาแล้วถึง 2 วิกฤต น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ พรรคการเมืองไทย สร้างปัญหา แล้วก็ย้ายพรรค เปลี่ยนชื่อพรรค แต่ประชาธิปัตย์ ยืนหยัดมาร่วม 80 ปี แม้มีตกต่ำ ก็กลับมาทำให้ฟื้น เป็นระบบสถาบันการเมืองเสาหลักประชาธิปไตยแท้จริง

มีบุคลากรที่เก่งและดี เช่น คุณศุภชัย ผู้ได้เป็นถึงเลขาธิการ WTO คุณกรณ์ จาติกวณิช ผู้ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีคลังแห่งปี 2010 ด้วยการแก้วิกฤตการเงินโลก (แฮมเบอร์เกอร์) 1 ใน 5 ของโลก ในวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 1997 รัฐบาลชวนกู้กลับมาให้ไทยเข้มแข็งได้สำเร็จ ในวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ปี 2007 รัฐบาลอภิสิทธิ์กู้กลับมาได้อย่างดี แข็งแกร่ง และรวดเร็ว

ในยามนี้ พรรคการเมืองต่างๆ ยังเน้นเพียงวาทกรรมตามกระแส แต่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เริ่มแสดงวิสัยทัศน์ว่า คนไทยชาชินกับการเติบโต 2-3% ต่อปีมานับ 10 ปี ได้เวลาที่จะเดินหน้า ปชป. จึงน่าจะเป็นอีกทางเลือกแห่งความหวังของชาติได้ต่อไป

ไทยทน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สุริยะใส สะท้อน ปรากฎการณ์หมอนทองวิทยา ถึงศรัทธาที่สูญหาย เมื่อฟุตบอลสะท้อนเศรษฐกิจและการเมืองไทย

ปรากฎการณ์หมอนทองวิทยา ทำให้เราได้เห็นว่า ในวันที่ระบบใหญ่กำลังสั่นคลอน ยังมีความดีที่ไม่ต้องประชาสัมพันธ์และความเพียรที่ไม่ต้องอวด

งงทั้งบาง! พรรคประชาชน ยังติดต่อ ‘สส.ปารเมศ’ ไม่ได้ หลังถูกหาตั้งเด็กมัธยมเป็นผู้ช่วย

'ศิริกัญญา' เผยพรรคประชาชน ยังติดต่อ 'สส.บูม' ไม่ได้ หลังถูกกล่าวหาใช้งานเด็ก ยันเงื่อนไขคุณสมบัติ 'ผู้ช่วย สส.' ถูกต้อง แต่เรื่องโยกเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง คงต้องสอบเส้นเงินต่อไป

รศ.สมชัย มองข้ามช็อต ภูมิใจไทย ชนะพรรคประชาชน อนุทิน นายกฯ รอบสอง-ส้ม..ค้านอีกสมัย

"รองศาสตราจารย์ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเข้าไปทำงานการเมืองกับบางพรรคการเมืองบ้างแล้ว เช่นเป็นอดีตผู้สมัคร สส.เขต

'ธรรมนัส' ลั่นไม่ลาออกหนีปัญหา เปรียบเป็นนักรบ ถ้าจะตายก็ต้องตายในสนามรบ

"ธรรมนัส" ลั่นไม่ลาออก ไม่หนีปัญหาแน่นอน ถ้าจะตายก็ต้องตายในเวทีการเมือง เย้ยผู้ประสงค์ร้ายปล่อยข่าวลาออกไม่สำเร็จ ซัด สส.ภาคกลาง ปม“แก้มลิงทุ่งหิน”ศึกษาให้ดีก่อน เผย ต้องลงไปแก้ไขสิ่งทึ่ลุงก่อไว้แล้วไม่สำเร็จ