
กระทรวงพลังงาน ผนึกพลังพันธมตริและบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศ ช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้ชุมชน หนุนเศรษฐกิจฐานราก เร่งส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน ขยายช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศ
03 ต.ค. 2568 -กระทรวงพลังงานเดินหน้าหนุนเศรษฐกิจฐานรากเต็มกำลัง จับมือบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ 5 บริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของไทย ได้แก่ PTTOR PTG เชลล์ คาลเท็กซ์ และซัสโก้ เร่งส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนคุณภาพ ที่ผลิตจากพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสู่สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ ตั้งเป้ายกระดับรายได้ให้ชุมชน สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ และร่วมลดภาวะโลกร้อน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดแคมเปญ “กินพี่...แล้วหมีหนาว” ว่าหนึ่งในภารกิจหลักของกระทรวงพลังงานคือการนำเทคโนโลยีพลังงานสะอาดเข้าไปช่วยยกระดับกระบวนการผลิตของวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพ ลดต้นทุน และลดการใช้พลังงานฟอสซิล โครงการนี้จึงไม่เพียงช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้ชุมชน แต่ยังเป็นการปักหมุดความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม
‘ความร่วมมือในวันนี้เป็นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า เราไม่ได้แค่วางสินค้าชุมชนไว้บนชั้นหน้าปั๊ม แต่เราจะช่วยกันนำเสนอ โอกาส ของสินค้าเศรษฐกิจฐานรากไว้ในมือผู้บริโภคทุกคน ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกภาคส่วน และเชื่อมั่นว่าต่อไปจะมีพันธมิตรด้านพลังงานรายอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุนโครงการให้เติบโตไปพร้อมกัน ผมขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาร่วมกันอุดหนุนสินค้าชุมชนคุณภาพ พร้อมร่วมกันติดแฮชแท็ก #กินพี่แล้วหมีหนาว เพื่อแสดงพลังคนไทยสนับสนุนของดีผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน ลดโลกร้อน’นายอรรถพลกล่าว
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์กับสถานีบริการน้ำมันในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการนำสินค้าคุณภาพเหล่านี้ไปสู่มือผู้บริโภคและคนรุ่นใหม่ในวงกว้าง ผ่านแคมเปญ "กินพี่...แล้วหมีหนาว" ที่ต้องการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ว่า ทุกการซื้อสินค้าชุมชนเหล่านี้ นอกจากจะได้สนับสนุนสินค้าของคนไทยแล้ว ทุกคนยังมีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนอุณหภูมิเย็นลงจนหมีขั้วโลกรู้สึกหนาว
สำหรับตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ลดใช้พลังงานมีเกณฑ์การพิจารณาที่เข้มข้น 4 ด้าน ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในประเทศ เช่น อย. OTOP หรือ GMP 2) มีการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดสำหรับสินค้าแต่ละชนิด 3) มีกระบวนการผลิตที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ในช่วงที่กำหนด และ 4) มีการนำของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าที่ได้รับตราสัญลักษณ์นี้แล้ว 14 หมวดผลิตภัณฑ์
ปัจจุบันในช่วงนำร่องโครงการ มีผลิตภัณฑ์ชุมชนกว่า 20 รายการ อาทิ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แคบหมู ข้าวแต๋น กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ ข้าวฮางงอก ผลไม้กวน และลำไยอบแห้ง เริ่มวางจำหน่ายแล้วในสถานีบริการน้ำมันและร้านค้าในเครือ ได้แก่ ร้านไทยเด็ดและร้าน Jiffy ในเครือ PTTOR 176 สาขา ร้าน PT Maxmart และร้านกาแฟพันธุ์ไทย ในเครือ PTG กว่า 100 สาขา ร้าน Shell Café 5 สาขาในกรุงเทพมหานคร สถานีบริการน้ำมัน CALTEX สาขาที่เข้าร่วมโครงการในจังหวัดอุดรธานี และสถานีบริการน้ำมัน SUSCO ในจังหวัดระยองและภูเก็ต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อรรถพล’สั่งระดมกำลังเร่งฟื้นฟูน้ำท่วมใต้ยันขนส่งน้ำมันไม่กระทบ
‘อรรถพล’ ยังคงติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณภาพน้ำมันในปั๊มและการขนส่งน้ำมัน-ก๊าซหุงต้มอย่างใกล้ชิด เร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้า ส่งมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ฟื้นฟูระบบไฟฟ้าแก่อาคารและบ้านเรือนประชาชน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองรถยนต์และรถจักรยานยนต์


