นำร่องทดสอบ 'ซีเพลน' ที่เกาะกระดาน จ.ตรัง ปักธงเปิดให้บริการกลางปี 69

บวท. เดินหน้า ‘Seaplane’ นำร่อง ‘เกาะกระดานแซนด์บ็อกซ์’ เล็งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อน ต.ค.-พ.ย. นี้ เน้นย้ำศึกษาผลกระทบ IE หวั่นเสียงใบพัด-แรงน้ำต่อปะการัง ปักหมุกเปิดบริการกลางปี 69 เพื่อยกระดับและสร้างทางเลือกใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย

13 ต.ค. 2568 – นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการควบคุมอากาศยานทางทะเล (Seaplane) เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวและช่วยลดความแออัดของสนามบินหลักในประเทศ ว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ บวท. เร่งเดินหน้าโครงการดังกล่าว โดยจะนำร่องในรูปแบบโครงการทดลองอากาศยาน หรือ แซนด์บ็อกซ์ ที่ เกาะกระดาน จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องและทดสอบแห่งแรกในประเทศไทย ก่อนจะนำผลการศึกษาไปใช้ประกอบการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IE) เพื่อพิจารณาการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ต่อไป

ทั้งนี้ บวท. จะเร่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวนำร่องที่เกาะกระดานแซนด์บ็อกซ์ จังหวัดตรัง ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2568 โดยคาดว่าจะจัดตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวได้ภายในช่วง เดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ และจะดำเนินการขับเคลื่อนทดสอบบนพื้นที่จริงภายในสิ้นปีนี้ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดตรังเป็นองค์ประกอบหลักในการดูแลหลังจากทดสอบแซนด์บ็อกซ์บนพื้นที่จริงเสร็จสิ้น จะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IE) ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 180 วัน หรือประมาณ 6 เดือน เพื่อสรุปผลการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากผลสรุปรายงาน IE ออกมาในเชิงบวก คาดการณ์ว่าการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์จะสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วง กลางปี 2569

“คณะทำงานจะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IE) ในสองประเด็นหลัก คือ เรื่องเสียงใบพัดของเครื่องบิน และ ผลกระทบจากความถี่หรือความแรงของน้ำที่เกิดจากการขึ้น-ลงของเครื่องบินต่อปะการัง ในพื้นที่ทะเลอันดามัน โดยหากผลการศึกษาชี้ว่ามีผลกระทบจะต้องมีการแก้ไขเพื่อลดผลกระทบก่อนได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อไป”นายสุรชัย กล่าว

นายสุรชัย กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ 2 ราย ได้ยื่นขอใบรับรองจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เพื่อเตรียมให้บริการเครื่องบินทะเล ได้แก่ บริษัท Thai Seaplane จำกัด และ บริษัท SIAM Seaplane จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทมีความพร้อมทั้งด้านอากาศยาน Seaplane และนักบินผู้เชี่ยวชาญ และได้กำหนดแผนทางธุรกิจไว้เรียบร้อยแล้ว โดยพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจเต็มรูปแบบได้ทันที เพียงรอการอนุมัติและใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจาก กพท. และหน่วยงานภาครัฐที่ดูแล ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ยังคงชะลอการลงทุน เนื่องจากต้องการความชัดเจนในเรื่องผลการศึกษาจากแซนด์บ็อกซ์ก่อน เนื่องจากประเทศไทยยังไม่เคยมีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้เครื่องบินทะเลในทะเลมาก่อน

ด้าน พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า กพท. เตรียมลงพื้นที่หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ภาคเอกชน หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชน ในสัปดาห์นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมจัดทำโครงการทดลอง (Sandbox) การให้บริการเครื่องบินทะเลเชิงพาณิชย์ที่เกาะกระดาน จังหวัดตรัง คาดว่าจะเริ่มทดลองได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2568 ใช้เวลาดำเนินโครงการ 180 วัน โดยการทดลองนี้จะทำให้เห็นรูปแบบการปฏิบัติการจริงในทุกขั้นตอน และจะจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ควบคู่ไปด้วย เพื่อประเมินผลกระทบต่าง ๆ ก่อนเปิดให้บริการจริง

พลอากาศเอก มนัท กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปว่าจะเลือกใช้สนามบินใดขึ้นบินมายังเกาะกระดาน รวมถึงจุดที่จะขึ้นลงที่เกาะกระดาน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการที่จะให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการเอกชน 2 ราย คือ บริษัท สยามซีเพลน จำกัด และ บริษัท ไทยซีเพลน จำกัด ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายการเดินอากาศ (AOL) และให้บริการเครื่องบินทะเลได้ โดยเครื่องบินทะเลสามารถใช้ทางวิ่ง (รันเวย์) ที่มีอยู่ของสนามบินได้เลย หรือจะวิ่งบนน้ำก็ได้

สำหรับโครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการขยายโอกาสและโครงข่ายการเดินทางทางทะเลให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยเชื่อมโยงการเดินทางจากสนามบินไปยังเกาะต่าง ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้เร็วขึ้นอย่างมาก และจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายจ่ายสูง (Luxury Tourism) เพื่อยกระดับและสร้างทางเลือกใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย

เพิ่มเพื่อน