
‘พิพัฒน์’ ลงพื้นที่ตรวจงานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 สั่งเปิดทดลองวิ่ง มอเตอร์เวย์ M82 ยกระดับ ‘บางขุนเทียน-มหาชัยเมืองใหม่’ 22 ต.ค.นี้ มั่นใจช่วยแก้ปมรถติด ลุ้นเปิดตลอดเส้นทางสงกรานต์ปีหน้า จี้คุมเข้มด้านความปลอดภัย
16 ติด.คน.2568-นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่บนถนนพระราม 2 ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 (M82) สายทางยกระดับบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว ระยะทางรวม 24.7 กิโลเมตร (กม.) ดำเนินการโดยกรมทางหลวง (ทล.) และโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) สายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กม. ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า จากการลงพื้นที่พบว่า มอเตอร์เวย์ M82 ช่วงบางขุนเทียน – เอกชัย ระยะทาง 8.3 กม. ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ ทล. เปิดให้ประชาชนทดลองใช้เส้นทางดังกล่าว โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันพุธที่ 22 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป โดยประชาชนสามารถเดินทางจากทางด่วนกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ของ กทพ. และมอเตอร์เวย์ หมายเลข 9 ด้านใต้ของ ทล. เข้าสู่ทางยกระดับ M82 ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย และสามารถไปลงที่ด่านมหาชัย 1 (กม. 20) ได้อีกประมาณ 2 กม. รวมระยะทางประมาณ 10.3 กม. ซึ่งในช่วงทดลองให้บริการนี้ จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง (ชม.) ยังไม่เก็บค่าผ่านทาง และจะมีการจำกัดความเร็วไม่เกิน 80 กม. ต่อ ชม. เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้ทาง
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันภาพรวมการก่อสร้างทั้ง 2 โครงการมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดย โครงการทางด่วน สายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกฯ มีความคืบหน้าภาพรวม 91.88% คาดว่า จะแล้วเสร็จภายใน มิ.ย. 2569 ขณะที่ โครงการมอเตอร์เวย์ M82 ของ ทล. ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กม. ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 100% และช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.3 กม. มีความคืบหน้าของงานโยธาอยู่ที่ 88.19% (ณ เดือนกันยายน 2568) โดยขณะนี้ การก่อสร้างเสร็จแล้ว 2 ตอน คือ ตอนที่ 3 และ 9 ขณะที่ ตอนที่ 1, 4, 7, 8 อยู่ระหว่างขั้นตอนการวางชิ้นส่วนคอนกรีต (Segment) คาดว่า ตอนที่ 1 และ 8 เสร็จภายใน ต.ค. 2568 ส่วนตอนอื่นๆ จะเสร็จภายใน เม.ย. 2569
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ตั้งเป้าหมายที่จะเร่งรัดให้สามารถเปิดทดลองให้บริการช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ภายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2569 ซึ่งทางขึ้น-ลง อาจจะยังเปิดใช้ได้แค่บางด่าน แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด หากยังไม่สมบูรณ์ ก็อาจจะเปิดภายใน เม.ย. 2569 และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบตลอดสายทางได้ภายในปี 2569 อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 โครงการ ตลอดทั้งเส้นทาง ระยะทางรวม 24.7 กม. จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายใน มิ.ย. 2569
อย่างไรก็ตามส่วนการเก็บค่าผ่านทางนั้น แบ่งเป็น โครงการทางด่วน สายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกฯ จะจัดเก็บค่าผ่านทาง ในช่วง มี.ค. 2570 และโครงการมอเตอร์เวย์ M82 จะให้ประชาชนทดลองวิ่งใช้บริการฟรีประมาณ 2 ปี ในช่วงระหว่างรอการดำเนินการร่วมทุนกับเอกชน (PPP) ในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) จึงคาดว่า จะจัดเก็บค่าผ่านทางในปี 2571 ต่อไป
สำหรับเส้นทางการเดินทาง ประชาชนสามารถใช้เส้นทางเชื่อมต่อโครงข่ายทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี – สุขสวัสดิ์) ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ช่วงพระประแดง – ต่างระดับบางขุนเทียน เพื่อเข้าสู่ทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว ช่วงต่างระดับบางขุนเทียน – เอกชัย ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกและบรรเทาความแออัดของการจราจรบนถนนพระราม 2 ที่มีอยู่ที่ประมาณ 250,000 คันต่อวัน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ได้มีข้อสั่งการถึง ทล. และ กทพ. เน้นย้ำด้านความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อน โดยสั่งการให้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยในจุดเสี่ยง โดยเฉพาะสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน ให้ติดตั้งตาข่ายกันวัสดุตกหล่น (Safety Net) ให้เรียบร้อย พร้อมทั้งตรวจสอบความพร้อมของผิวทาง, ระบบป้ายจราจร, แสงสว่าง และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยให้ครบถ้วนสมบูรณ์ พร้อมทั้ง ให้ ทล. และ กทพ. มีมาตรการเข้มงวดบริษัทผู้รับเหมา เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก จะไปไล่เบี้ยผู้รับเหมา และพิจารณาการมารับงานอื่นๆ ในอนาคต นอกจากนี้ พิจารณาเลื่อนเวลาปิดช่องจราจรหลัก เพื่อดำเนินงานก่อสร้างจากเดิม 19.00 น. เป็น 20.30 น. และต้องคืนผิวจราจรให้แล้วเสร็จภายในเวลา 05.30 น.
ด้านนายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดี ทล. กล่าวถึงนโยบายด้านความปลอดภัยของกรมทางหลวงโดยเฉพาะถนนพระราม 2 จะดำเนินการยกระดับมาตรการความปลอดภัยในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2569 เป็นต้นไป จะเริ่มบังคับใช้มาตรการด้านความปลอดภัยรูปแบบใหม่ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั่วประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวจะถูกบรรจุไว้เป็น เงื่อนไขบังคับในสัญญาจ้างเพื่อให้ผู้รับจ้างทุกโครงการต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในภาคการก่อสร้างของกรมทางหลวง
นอกจากนี้จะกำหนดให้ทุกโครงการต้องจัดหาวิศวกรความปลอดภัย (Safety Engineer) ประจำโครงการ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ วิเคราะห์ และวางแผนควบคุมความเสี่ยงในทุกขั้นตอนการทำงาน โดยผู้รับจ้างจะต้องจัดทำรายงานการประเมินความเสี่ยงของแต่ละกิจกรรมในไซต์งานอย่างละเอียด ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การตั้งนั่งร้าน การยกชิ้นส่วนขนาดใหญ่ ไปจนถึงการทำงานบนทางยกระดับ เพื่อให้มีมาตรการป้องกันอันตรายที่เฉพาะเจาะจงและปฏิบัติได้จริง
นายปิยพงษ์ กล่าวว่าหลังจากโครงการก่อสร้างทางยกระดับและขยายช่องจราจรที่กำลังดำเนินอยู่เสร็จสิ้นในปี 2569 แล้ว กรมทางหลวงจะไม่มีแผนก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่เพิ่มเติมในพื้นที่อีก งานในอนาคตจะเป็นเพียงการซ่อมบำรุงทั่วไป การซ่อมผิวจราจรที่ชำรุด และการปรับปรุงเล็กน้อยเพื่อแก้ปัญหาการจราจรเท่านั้นเพื่อให้ถนนอยู่ในสภาพดีต่อเนื่อง ลดผลกระทบต่อผู้ใช้ทาง และไม่สร้างภาระจากการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่อาจกระทบต่อการจราจรในระยะยาว

