
‘มัลลิกา’ เดินหน้าพัฒนาสถานีขนส่ง ย้ำไม่ย้าย 3 สถานีขนส่ง ‘หมอชิต 2-เอกมัย-สายใต้’ ไปรวมที่สถานีกลางฯ โมเดลสถานีฮากาตะ ญี่ปุ่น ย้ำชัด ให้อยู่ที่เดิม เร่งพัฒนาให้ดีขึ้น จัด Feeder เชื่อมขนส่งอื่นให้ครอบคลุม ด้าน บขส. เตรียมเสนอของบปี 70 กว่า 3.6 พันล้าน รีโนเวท หมอชิต 2
20 ต.ค. 2568 – นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ยุคของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีแนวคิดศึกษาแนวทางการย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ ภายใต้การรับผิดชอบของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์นั้น ขณะนี้ ยังไม่มีแนวคิด หรือนโยบายย้ายสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่งดังกล่าวไปพื้นที่อื่น โดยยังให้อยู่ที่เดิม แต่ต้องมีการพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจัดระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder) เชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่นๆ อย่างครอบคลุม
ด้านนายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ขณะนี้ บขส. อยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ขนาดพื้นที่ 80 ไร่ โดยในปี 2568 บขส. ได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินจำนวน 39 ล้านบาท เพื่อจ้างที่ปรึกษาพัฒนาพื้นที่สถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ซึ่งตอนนี้ผลการศึกษาแล้วเสร็จ และเตรียมเสนอของบประมาณแผ่นดินในปีงบประมาณ 2570 วงเงิน 3,600 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ในพื้นที่เดิมที่ให้บริการอยู่ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการประชาชน
สำหรับความคืบหน้าในขณะนี้ โครงการฯ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) บขส. แล้ว อยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคม พิจารณาอนุมัติ ก่อนเสนอไปยังสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์เห็นชอบตามกระบวนการภายในปี 2569 โดยหากได้รับจัดสรรงบประมาณ คาดว่า จะเริ่มพัฒนาในปี 2570 ใช้ระยะเวลา 3 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 ตามแผน
ทั้งนี้ แผนพัฒนาดังกล่าว แบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสาร ชานชาลา อาคารรับ – ส่ง พัสดุภัณฑ์ สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก (มินิบัส) จุดบริการชาร์จรถโดยสารไฟฟ้าในอนาคต จุดจอดแท็กซี่ จุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ รถเมล์ และรถแท็กซี่ รวมถึงที่พักพนักงาน พร้อมทั้งพัฒนาพื้นที่ด้านข้าง บริเวณอู่หมอชิต ขนาดพื้นที่ 20 ไร่ สร้างเป็นจุดพักคอยผู้โดยสาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปดำเนินการพิจารณาและศึกษาแนวทาง การย้ายสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่งดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ และนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถไฟไทย รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีอื่นๆ
สำหรับรูปแบบแนวคิดที่จะดำเนินการ จะศึกษาโดยใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ในประเทศไทย อาทิ สถานีฮากาตะ ซึ่งเป็นสถานีโดยสารอาคารสูง ภายในอาคารมีศูนย์อาหาร และแหล่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้บริการอย่างครบถ้วน ซึ่งในแต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง ตามภูมิภาค และจังหวัดอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ จะออกแบบเป็นสถานีขนส่งในรูปแบบอาคารสูง และกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน โดยการพัฒนาอาคารสูงจะแบ่งชั้นการให้บริการอย่างชัดเจน เช่น ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินไปทางภาคใต้ และภาคตะวันตก ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคเหนือ ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออก และพื้นที่โดยรอบกรุงเทพมหานคร (กทม.)
นอกจากนี้ ตัวอาคารผู้โดยสารจะมีการพิจารณาออกแบบเป็นชั้นใต้ดินสำหรับให้รถเมล์ ขสมก. รวมถึงสำหรับรถแท็กซี่ เพื่อให้เข้ามารับส่งผู้โดยสาร ขณะที่ในส่วนของชั้นที่สูงขึ้นไป จะออกแบบเพื่อทำเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของฝาก เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถมีที่พักคอยก่อนจะถึงเวลารถออก และรายได้จากการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ สามารถนำมาใช้ในการบริหารจัดการ และซ่อมบำรุงรักษาตัวอาคารผู้โดยสารได้อีกด้วย

