
แย้ม กพช. จ่อเคาะเงื่อนไขโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกกะวัตต์ ก่อนเข้า ครม. หวังลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน กำหนดชุมชุมละไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ พร้อมกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนทางเศรษฐกิจ
27 ต.ค. 2568 – นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าในวันที่ 27 ต.ค. 68 จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งจะมีการนำโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ เข้าที่ประชุม ก่อนที่จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 28 ต.ค. 2568 ต่อไปเพื่ออนุมัติเงื่อนไขในการดำเนินการ โดยโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนตั้งเป้าจะดำเนินการทั้งหมด 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งเดิมทีโครงการดังกล่าวจะให้กับรายใหญ่เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ แต่ตอนนี้กระทรวงฯจะดึงออกมาเพื่อทำเป็นโซลาร์ฟาร์มชุนชน ซึ่งจะกระจายไปแต่ละชุมชนทั่วประเทศ โดยโครงการดังกล่าวภาคเอกชน หรือผู้ประกอบการจะดำเนินการร่วมกับชุมชนในการติดตั้งโซลาร์ฟาร์มในพื้นที่ชุมชน ซึ่งไฟฟ้าที่ผลิตได้ก็จะจำหน่ายให้กับชุมชนในราคาที่ถูกลง ส่วนที่เหลือก็อาจจะเป็นการขายเข้าสู่ระบบ เพราะฉะนั้นเอกชนก็จะมีผลประกอบการ และกำไรส่วนหนึ่ง ซึ่งจะต้องนำมาแบ่งให้กับชุมชน
‘ภาคเอกชนจะเป็นผู้ลงทุน หลังจากนั้นก็นำไฟฟ้าที่ได้มาขายให้กับประชาชนในราคาถูก และขายเข้าสู่ระบบ ซึ่งก็จะทำให้เกิดรายได้ เมื่อหักค่าใช้จ่ายเหลือก็คืนให้กับชุมชน’ นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวว่า โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมขนจะได้ผลประโยชน์ 2 อย่าง ได้แก่ ประชาชนได้รับค่าไฟที่ถูกลง และส่วนแบ่งรายได้มาดูแลชุมชน โดยแต่ละชุมชุมจะได้ไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ เพราะฉะนั้นก็จะสามารถกระจายไปได้ในชุมชนที่มีความพร้อม ซึ่งโครงการฯ จะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสูงถึง 30,000 ล้านบาท สร้างงานกว่า 1,700 ตำแหน่ง และขายไฟฟ้าให้ชุมชนใกล้เคียงผ่าน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ด้วยราคาส่วนลดประมาณ 80 สตางค์ต่อหน่วย อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้เกือบ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
อย่างไรก็ดี กระทรวงพลังงานยังมีอีก 3 โครงการที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. วันที่ 28 ต.ค. 68 ด้วย ได้แก่โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เตรียมดำเนินการทั้งหมด 1,200 ระบบ ใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 5,800 บาทต่อไร่ต่อปี โครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์บนหลังคาในบ้านอยู่อาศัยด้วยมาตรการทางภาษี โดยประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ไม่เกิน 2 แสนบาท คาดว่าจะเกิดเม็ดลงทุนกว่า 10,800 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 450 ตำแหน่ง ลดการปล่อย CO2 ได้ 280,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และโครงการส่งเสริมการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับหน่วยงานของรัฐ คาดว่าภาครัฐจะสามารถใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ของตนเองได้ และอัตราค่าไฟฟ้าจะลดลง จะทำให้สามารถลดภาระงบประมาณค่าสาธารณูปโภค (ค่าไฟฟ้า) ได้กว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี

