'เอกนิติ' นั่งหัวโต๊ะตรวจเส้นทางเงินเทา ยกระดับเทียบสากล ขีดเส้นธ.ค.ชัดเจน

‘เอกนิติ’ นั่งหัวโต๊ะคณะอนุกรรมการตรวจสอบเส้นทางเงินเทา ปักธงยกระดับการทำงานเทียบมาตรฐานสากล ขีดเส้นภายในเดือน ธ.ค. 68 ต้องมีความชัดเจน

29 ต.ค. 2568 – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยี ว่า คณะอนุกรรมการฯ ชุดดังกล่าวมีหน้าที่ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการฟอกเงินที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยการทำงานจะมีการยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบทางการเงินต่าง ๆ ให้ได้ตามมาตรฐานสากล

โดยคณะอนุกรรมการ จะประกอบด้วยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลเรื่องเงินที่ไม่ถูกต้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวมทั้งจะมี รมว.ยุติธรรม และ รมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมด้วย เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล เชื่อมจุดในการตรวจสอบเส้นทางเงินสีเทาแต่ละจุดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ส่วนตัวตั้งเป้าหมายว่าจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด โดยอย่างน้อยภายในเดือน ธ.ค. 2568 จะต้องมีความชัดเจน เห็นเส้นทางรอยรั่วของเงินสีเทาว่าอยู่ตรงไหน อย่างไร ยืนยันว่ามีความมุ่งมั่นในการดำเนินการเรื่องนี้ และไม่ใช่การทำเพียงในระยะสั้น แต่ยังมีการวางแผนเพื่อยกระดับการตรวจสอบนี้ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ดังนั้นวันนี้จึงต้องใช้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำงานร่วมกัน เอากฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้เพื่อตรวจดูทั้งการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ทุกส่วนเชื่อมโยงกันหมด

สำหรับความคืบหน้าในการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ นั้น นายเอกนิติ ระบุว่า ภายหลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะยุทธศาสตร์การเจรจา ได้มีการหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ผ่านทางออนไลน์ 1 ครั้ง โดยมีการพูดคุยถึงกรอบที่ได้ลงนามในอาเซียน ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์คในการเจรจาโดยต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อนหน้า โดยได้มีการหารือถึงรายละเอียดสินค้าว่าจะโดนเก็บภาษีเท่าไหร่ หรือสินค้าชนิดไหนจะได้รับการยกเว้น ในส่วนนี้มีเอกสารแนบมาหมดแล้ว ซึ่งอาจจะมีการลดหย่อนภาษีให้สินค้าบางชนิด โดยการทำงานตรงนี้เป็นการร่วมกับภาคเอกชนและกระทรวงพาณิชย์

“อะไรที่ต้องเปิดก็ต้องมาดู ถ้าประเทศไทยไม่ได้มีสินค้านั้นอยู่แล้ว เช่น รถยนต์ ของไทยพวงมาลัยคนละข้างกับเขา ก็ไม่เห็นน่ากลัว ดังนั้นเรื่องนี้สิ่งต่าง ๆ ที่เปิดได้ก็ต้องมาดูกัน โดย รมว.พาณิชย์ ระบุว่า ไทยมี FTA อยู่หลาย FTA มาก สิ่งเหล่านี้เอามาเป็นมาตรฐานในการเจรจาได้ โดยกรอบการเจรจามีข้อดี คือ จะยกระดับมาตรฐานความโปร่งใส ทั้งหมดอยู่ในเฟรมเวิร์คที่ทางสหรัฐฯ มองว่า อาจเป็นต้นทุนและอุปสรรคการค้าด้วย ซึ่งต้องกลับมาพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียเป็นอย่างไร” นายเอกนิติ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในส่วนที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกถ้อยแถลงเกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยทั้งสองฝ่ายระบุว่าจะไม่ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อมุ่งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันนั้น รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ระบุว่า ธปท.จะมีหนังสือชี้แจงออกมา ซึ่งปัจจุบันมีกลไกในการดูแลค่าเงินอยู่แล้ว และเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ ธปท. หรือธนาคารกลางที่ต้องพิจารณารักษาเสถียรภาพราคา และค่าเงิน

“ยืนยันว่าไทยไม่ได้มีการบิดเบือนอะไร และที่ผ่านมา ธปท. ก็มีการระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างดีที่สุดอยู่แล้วแต่อะไรที่บิดเบือนหรือผิดธรรมชาติก็ต้องดำเนินการไปตามกลไกเพื่อรักษาเสถียรภาพตามปกติ” นายเอกนิติ ระบุ

เพิ่มเพื่อน