
‘แบงก์ชาติ’ เผยเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/68 แผ่ว ตามการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงจากการหยุดผลิตชั่วคราว ที่ส่งผลกระทบภาคบริการ มองแนวโน้มไตรมาส 4 ปรับตัวดีขึ้น ลุ้นมาตรการรัฐช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่น-ใช้จ่าย
31 ต.ค. 2568 – นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2568 ว่า ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงจากการหยุดผลิตชั่วคราวในบางสินค้า ส่งผลให้กิจกรรมภาคบริการที่เกี่ยวข้องปรับลดลง แต่ปรับดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส ขณะที่เดือน ก.ย. นี้ เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น จากภาคการผลิตที่ทยอยกลับมาผลิตหลังจากการหยุดเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับการส่งออกและรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในประเทศชะลอลงทั้งการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน
สำหรับการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นจากกลุ่มปิโตรเลียมและเครื่องดื่มที่กลับมาผลิตหลังหยุดผลิตชั่วคราวและการผลิตรถยนต์กลับมาเพิ่มขึ้นจากกลุ่ม EV ด้านการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหมวดอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่การส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ที่ถูกเก็บ Recieprocal tariffs ชะลอลงหลายรายการ
ด้านจำนวนและรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยว 2.2 ล้านคน โดยเฉพาะจากมาเลเซียและอินเดีย จากวันหยุดยาวและมีเส้นทางการบินใหม่ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาติดลบ 0.72% จากหมวดพลังงานและอาหารสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นบวก 0.65% แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 0.81% ส่วนหนึ่งจากการทำโปรโมชั่นอาหารโทรสั่งและของใช้ส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นส่วนหนึ่งจากปัจจัยฤดูกาล และการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้นตามอุสงค์ของสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4/2568 ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมาตรการภาครัฐมีส่วนช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปลายปี
“ระยะต่อไปต้องติดตามการฟื้นตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม, ผลกระทบของมาตรการภาษีนาเข้าของสหรัฐฯ, พัฒนาการในภาคการท่องเที่ยว และผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ” นางสาวชญาวดี กล่าว
นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ย. นี้ ปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจัยชั่วคราวทยอยคลี่คลาย และรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ตามจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวระยะใกล้ ขณะที่ภาคเกษตร พบว่า ลดลงจากเดือนก่อนหน้าค่อนข้างมาก เป็นผลจากผลไม้ โดยเฉพาะลำไย ทุเรียน มังคุด ที่ผลผลิตออกมาค่อนข้างสูงในช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น
สำหรับมาตรการคนละครึ่ง ธปท.ได้รวมในประมาณการที่เคยประเมินจีดีพีปี 2568 ไว้ที่ 2.2% เรียบร้อยแล้ว โดยมองว่า เป็นผลเชิงบวกในเรื่องของความเชื่อมั่น ส่วนจะส่งผลทำให้จีดีพีขยายตัวได้เกินกว่า 2.2% หรือไม่นั้น จะต้องติดตามดูการใช้จ่ายว่าจะมีมากน้อยเพียงใด

