จ่อชงครม.เคาะแผนMTFF 'เอกนิติ' ขึง3เกณฑ์เข้มคุมวินัยคลัง กดขาดดุลเหลือ3%ในปี72

‘เอกนิติ’ ลุยเข็นแผนการคลังระยะปานกลาง ขึง 3 เกณฑ์เข้ม กดขาดดุลงบประมาณเหลือไม่เกิน 3% ภายในปี 2572 พร้อมถือไม้เรียวตรวจแถวโครงการจ่อเข้ามาตรา 28 พร้อมดึงกองทุน TFF – PPP เสริมแกร่งลงทุนแบบไม่ต้องก่อหนี้สาธารณะ ฟุ้งเร่งจัดทำปฏิทินงบประมาณปี 70 ป้องกันเศรษฐกิจกระตุก หลังนายกฯ กางไทม์ไลน์ยุบสภา ม.ค.​69

13 พ.ย. 2568 – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ ‘วินัยการเงินการคลัง’ ภายใต้นโยบาย Quick Big Win 5 เสาหลัก 1 ฐานราก ซึ่งฐานรากนี้คือการรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศ โดยการขับเคลื่อนผ่านแผนการคลังระยะปานกลาง (Medium-Term Fiscal Framework : MTFF) ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นด้านวินัยการเงินการคลังที่น่าเชื่อถือ

โดยผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ 1. การกำหนดแนวทางการจัดการด้านการคลังทั้งด้านรายได้ รายจ่าย และหนี้สินให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ซึ่งหลักสำคัญ คือ รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะปรับลดการขาดดุลการคลังสู่ระดับมาตรฐานไม่เกิน 3% ภายในปี 2572 ขณะที่ตัวเลขการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 2570 จะต่ำกว่าปีงบประมาณ 2569 อย่างมีนัยสำคัญ โดยปีงบประมาณ 2569 ขาดดุลอยู่ที่ 8.6 แสนล้านบาทห หรือ 4.4% ของจีดีพี พร้อมทั้งยืนยันว่าจะไม่มีการขยายเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 70% ต่อจีดีพี และตามแผน MTFF นั้นสัดส่วนเพดานหนี้สาธารณะจะยังอยู่ภายใต้กรอบเพดานหนี้สาธารณะอย่างแน่นอน

2. การปรับปรุงและเพิ่มกฎเกณฑ์การคลัง รวมถึงการยกระดับความโปร่งใสเกี่ยวกับต้นทุนการคลังต่าง ๆ รวมถึงรายได้สูญเสียจากสิทธิประโยชน์ภาษีต่าง ๆ เพื่อทำให้สามารถบังคับวินัยการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต่อไปจะมีแนวทางชัดเจนในการรายงานเรื่องเม็ดเงินภาษีที่สูญเสียจากมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลอย่างชัดเจน ซึ่งในส่วนนี้จะรวมถึงมาตรการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ด้วย ทั้งหมดเพื่อความโปร่งใส แม้ว่าสุดท้ายตัวเลขการสูญเสียภาษีจากมาตรการต่าง ๆ อาจจะสูงมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริง

3. การวางแนวทางกำกับการดำเนินมาตรการกึ่งการคลังตามมาตรา 28 แห่งพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อเพิ่มความชัดเจนของการจัดการภาระการคลัง โดยยังยืนยันที่จะใช้เพดานมาตรา 28 ที่ 32% เช่นเดิม แต่จะม่ีความเข้มงวดมากขึ้น ผ่านการนำเอากฎ ระเบียบของสำนักงบประมาณเข้ามาใช้ในการพิจารณาในกระบวนการอนุมัติโครงการที่จะใช้ตามมาตรา 28 รวมถึงจะมีการใช้เครื่องมือทางการคลังที่ไม่ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (TFF) และโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งทั้งหมดจะไม่ส่งผลกระทบกับงบประมาณลงทุน โดยสัดส่วนงบลงทุนจะยังอยู่ที่ 20% ของงบประมาณรายจ่ายเหมือนเดิม แต่จะเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มข้น และไทยจะมีเครื่องมือในการวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาว

“แนวทางทั้งหมดนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือสร้างความเชื่อมั่นให้สถาบันจัดอันดับเครดิตและสาธารณชนมั่นใจว่าประเทศไทยสามารถปรับลดดุลการคลังสู่ระดับ 3% ของจีดีพี ภายในปี 2572 และยังสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตด้านอย่างยั่งยืน พร้อมกับเป็นส่วนสำคัญของการวางรากฐานการเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว โดยไม่ได้มีการแก้ไขกฎหมายวินัยการเงินการคลัง เพียงแต่เป็นการทำให้เข้มงวดมากขึ้น โดยจะมีการนำเสนอแผน MTFF ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า” นายเอกนิติ ระบุ

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการเร่งดำเนินการเรื่องกรอบงบประมาณปี 2570 และแผน MTFF นั้น เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดอุปสรรคในการทำงบประมาณแผ่นดิน แม้ว่าจะมีการประกาศยุบสภาตามที่นายกรัฐมนตรีได้ระบุเอาไว้ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการเร่งจัดทำปฏิทินงบประมาณให้เร็วขึ้น เป็นการเตรียมความพร้อมของตัวเลขงบประมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเกิดการกระตุก

ด้านนายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า จะมีการเสนอที่ประชุม ครม. ในวันที่ 25 พ.ย. 2568 พิจารณาเห็นชอบกรอบงบประมาณปี 2570 หลังจากนั้นสำนักงบประมาณจะเร่งพิจารณาคำขอของแต่ละหน่วยงาน และเสนอกรอบวงเงินงบประมาณปี 2570 ที่จะเสนอต่อสภาฯ ให้ ครม. เห็นชอบภายในวันที่ 27 ม.ค. 2569 ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาฯ

อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าแม้จะมีการประกาศยุบสภา แต่ก็จะไม่มีผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2570 อย่างแน่นอน เพราะร่างดังกล่าวถูกเสนอให้ ครม. พิจารณาในวันที่ 27 ม.ค. 2569 เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหลังจากยุบสภาแล้ว ก็เพียงรอให้มีสภาชุดใหม่มาพิจารณาต่อ