
นิด้าโพล แม่นที่สุด เหนือ โพลของสื่อต่างๆ เพราะ นิด้าโพลสุ่มเสียงอย่างวิทยาศาสตร์ ล้อไปกับโครงสร้างผู้ใช้เสียง แต่โพลสื่อต่างๆ มักจะเทไปตาม “กองทัพไซเบอร์” ซึ่งบางพรรคเกณฑ์กองกำลังคีย์บอร์ดมามาก โพลก็บิดเบือนไป
นิด้าโพลล่าสุด 4 ไตรมาส ได้แสดง “ความจริง” หลายประการ
1. ฟ้ารุ่งคะแนนนิยม คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พุ่งสูงจาก 0.12% ในไตรมาส 2 (Q2) เป็น 1.04% ใน Q3 และ หลังข่าวชัดว่า คุณอภิสิทธิ์ กลับมาแล้ว คะแนนนิยมก็พุ่งกลับมาแล้วเป็น 10.76% ใน Q4 เป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งที่เพิ่งเริ่มต้น
แฟนเก่าประชาธิปัตย์มากมาย ชื่นใจกับผลโพลนี้ เพราะ พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำลงไป ด้วยการถูกสาดโคลนมามาก แต่จริงๆแล้ว ผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ โดดเด่น หาพรรคไหนเทียมได้ยาก หากนึกภาพผู้นำไทยอย่างคุณอภิสิทธิ์ หรือ คุณกรณ์ไปพบผู้นำชาติใดๆในเวทีโลก คนไทยมีความภูมิใจและมั่นใจได้ เพราะ ในช่วงเวลาที่รัฐบาลอภิสิทธิ์เข้ามาดูแล โลกเผชิญวิกฤตซับไพรม์ ในช่วงปี 2007-2008 แต่คุณอภิสิทธิ์ และ คุณกรณ์ นำเศรษฐกิจไทย ฟื้นตัวได้เร็ว 1 ใน 5 ของโลก จนคุณกรณ์ได้รับการยกย่องให้เป็น “รัฐมนตรีคลังโลก ปี 2010” อย่างน่าภาคภูมิใจไปทั้งประเทศ
การแก้ปัญหาแบบ “ไทยเข้มแข็ง” ก็ทำให้ไทยแข็งแกร่งขึ้นทุกๆด้าน นโยบายประกันรายได้ ช่วยให้เกษตรกรมีความมั่นคง ไม่ขึ้นกับความเสี่ยงของฟ้าดิน ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมาก อย่างถ้าเจอน้ำท่วมใหญ่ นโยบายประกันรายได้ จะช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่น้ำท่วม ได้รับ “ส่วนต่าง” ชดเชย รัฐไม่ต้องใช้เงินมาก ต่างกับที่พรรคเพื่อไทย ใช้นโยบายจำนำข้าว ซื้อข้าวแพงกว่าตลาด มีการอั้นน้ำ ไม่ระบาย เพื่อให้เกษตรกรท้ายเขื่อนเก็บเกี่ยวก่อน จนน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ ทั้งที่ควรระบายเนิ่นๆให้ปัญหาเบากว่านี้ ก็เพราะ ไม่ต้องการใช้นโยบายดีๆของพรรค ปชป.
หลายรัฐบาลอาจเน้นสนับสนุนมหาวิทยาลัย หรือ ปริญญาตรี เพราะ ถูกใจประชาชน แต่ รัฐบาลปชป. เน้นสนับสนุน อาชีวะ ซึ่งเป็นที่ต้องการของอุตสากรรมในประเทศไทย มีส่วนทำให้อุตสาหกรรมไทยแข็งแกร่ง
ทั้งที่โลกวิกฤตจน ส่งออกทรุด ท่องเที่ยวหาย เพราะ ชาวโลกขาดกำลังซื้อ การบริโภคตกต่ำ การลงทุนหยุดชะงัก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แก้วิกฤตได้ชัดเจน ท่องเที่ยวฟื้นเป็นสูงสุดในประวัติการณ์ ส่งออกพุ่ง ทุนสำรองยกระดับจาก 110,000 ล้านเหรียญ เป็น 180,000 ล้านเหรียญ เป็นอันดับ 13 ของโลก หนี้สาธารณะต่อจีดีพี เป็นยุคเดียวที่เห็นว่าลดลง เพราะ ไม่เน้นแต่ “แจกเงินภาษี แลกเสียงพรรคการเมือง” เหมือนพรรคอื่นๆ
หลายคนอาจไม่รู้ว่า ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นยุคเดียว ที่คนไทย มีรายได้ประชากรที่ยกระดับจาก ปานกลางขั้นต่ำ(Lower Middle Income) เป็นปานกลางขั้นสูง (Upper Middle Income) และ ไม่มีการขยับขึ้นอีกเลย เรื่องเหล่านี้ หลายพรรคมักไม่พูดถึง เพราะ ไม่รู้เรื่อง ? หรือ เพราะ พูดไป บุคลากร ก็เทียบชั้นกับดรีมทีมคุณอภิสิทธิ์ + คุณกรณ์ไม่ได้ เพราะ คุณอภิสิทธิ์ จบมหาวิทยาลัย Oxford คณะที่สร้างผู้นำโลกมากที่สุดสถาบันหนึ่ง และ เป็นผู้ที่เรียนดีเป็นที่ 1 และ ยังเป็นตัวแทนนักศึกษาที่ได้รับเลือกตั้งจากชาวอังกฤษ และ นานาชาติ ที่เรียน Oxford ด้วยกัน คุณกรณ์เอง ก็เป็นถึง Country Head ในไทย ของ ธนาคารใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ไม่มีแคนดิเดตนายกฯพรรคใดๆจะเทียบได้จริงๆ
และคนไทยไม่น้อยก็เริ่มตาสว่าง โคลนที่สาดนายกฯอภิสิทธิ์ เช่นหาว่า เป็น “ฆาตกร..สั่งฆ่าประชาชน..99 ศพ” ก็เริ่มถูกชำระออกไป เพราะ คนที่พูดนำโดยคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ในที่สุด ต้องได้รับโทษฐาน “หมิ่นประมาท…ใส่ร้ายด้วยความเท็จ” ไปแล้ว และ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ต้องจำคุก 2 ปี คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาเท็จใส่ร้าย
2. ส้มร่วง : จากสูงสุด 31.48% ใน Q2 เหลือเพียง 17.20% ใน Q4 เพราะประชาชนได้เคยหลงเชื่อ เริ่มเห็นว่า หลายเรื่องเป็น “เรื่องเท็จ” หวังผลอำนาจตัวเองเท่านั้น
เคยฟังเรื่องราวดิสเครดิตประเทศ รัฐธรรมนูญและกองทัพมากมาย พิธาบอก “มีทหารไว้ทำไม ?…เขาไม่รบกันแล้ว…ถ้ารบกัน ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะชนะ…ให้ลดงบกองทัพ…ให้ยกเลิกเกณฑ์ทหาร…เอางบรถถังไปเป็นรถไถ ฯลฯ” และ คนหนุ่มสาว ก็เริ่มเห็นแล้วว่า รบกันจริง ข้างบ้านก็เจ้าเล่ห์ เอาแต่ได้ จอมใส่ร้าย และ ที่ไทย สยบกัมพูชาอยู่ ก็เพราะแสนยานุภาพของไทย ทหารไทยก็ฝึกมาดี เป็นมืออาชีพ รักชาติ และ เอาชนะสงครามได้อย่างสง่างาม และ จบได้เร็ว
พรรคส้ม อย่างรัชนก กลับหาเรื่องจากการช่วยเหลือของประชาชน ช่วยซื้อเกราะ ทำบังเกอร์ กลับจะมุ่งตรวจสอบแต่กองทัพ อ้างงบ 2 แสนล้านบาท แต่ประชาชนเห็นชัดแล้วว่า ทั้ง F16, กริฟฟิน ความพร้อมของ ทัพบก-ทัพเรือ-ทัพอากาศ ก็ล้วนแต่ต้องใช้งบทั้งสิ้น ท่ามกลางสงครามที่ต้องรบกับต่างชาติ พรรคส้มกลับมุ่งจับผิดกองทัพ ?
พรรคส้มบอกว่า “ไม่เอาเทา” แต่ไม่จริงใจ อภิปรายเรื่องสแกมเมอร์เป็นที่เลื่องลือ ซึ่งได้ผลดีทำให้เห็น “ความเทา” ของธรรมนัส แต่หวังผลตีอนุทิน และ ที่แปลกคือ “ละเว้นทักษิณ” ทั้งที่อภิปรายเรื่องใช้เครื่องบินเจ็ทไปดูไบ แต่ “ปิดหน้า” ทักษิณ เปิดแต่หน้าธรรมนัส ไม่พูดถึงทักษิณเลย ตอนคลิปอุ๊งอิ๊งอังเคิลออกมา ก็ไม่ทำหน้าที่บอกเลยว่า ทำอย่างนี้เข้าข่าย “ขายชาติ” ได้ สอดคล้องกับ ทักษิณให้เอาทรัพยากรในทะเลไปแบ่ง 50/50 ให้กัมพูชาแบบแผนที่กัมพูชา ผ่ากลางเกาะกูด ตั้งแต่ปีที่แล้ว 2024 พรรคส้มก็ไม่อภิปราย คณะกรรมาธิการความมั่นคงของโรมก็ไม่เคยเรียกสอบถาม
พอศาลตัดสินว่า “อุ๊งอิ๊ง” ผิดจริยธรรม หัวหน้าพรรคเท้ง ก็กลับเลือกที่จะประกาศจุดยืนว่า “การตัดสินเรื่องจริยธรรมเช่นนี้ เป็นการตัดสินได้ตามอำเภอใจ” แล้วจะให้เชื่อว่า “มีส้ม…ไม่มีเทา” ได้อย่างไร ? เพราะ ดูเป็นส้มเทา
ยิ่งกว่านั้น วันเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ประชาชนก็ถามได้ว่า “มีแค่นี้เองหรือ ?” เพราะ มือเศรษฐกิจของพรรคส้ม คือ ศิริกัญญา ตันสกุล ดีกรีก่อนเข้าการเมือง ก็แค่ Senior Consultant ของ บ. ดิ แอดไวเซอร์ ซึ่งมีกำไรเพียงปีละ 2-3 ล้านบาท เทียบไม่ได้เลยกับคุณกรณ์ Country Heard ในไทยของธนาคารใหญ่ระดับโลก ! แม้จะประกาศใหม่ กลับเกลื่อนให้ไปทำเรื่องปฏิรูปราชการ ก็ต่างกับที่ธนาธรและพิธา ก็เคยรับรองว่า ศิริกัญญา คือ มือหนึ่งเศรษฐกิจที่เหมาะที่สุดในปัจจุบัน การย้ายเช่นนั้น ก็เพียงทำให้เห็นความกะล่อนเชื่อไม่ได้เท่านั้น
ที่น่ากังวลคือ เตรียมรองรับเมกะโปรเจคสีส้ม 192,000 ล้านบาท ของธนาธร จะให้ไทย ปกป้องอุตสาหกรรมชิ้นส่วนทำสมาร์ทกริด รับซื้อไฟฟ้าจากประชาชน พร้อมกับแบตเตอรี่ ทั้งที่ ไฟฟ้าที่ประชาชนจะผลิตได้ ก็โซลาร์ ผลิตได้แต่กลางวัน ซึ่งตอนนี้ก็มีมากอยู่แล้ว และ จะทำให้เป็นปัญหาค่าไฟฟ้าแพง และมีดับบ้าง แบบแคลิฟอร์เนีย ? ธนาธรยังบอกอีกว่าจะไม่เสียเงินให้คนจีน เพราะ จะผลิตในไทย แล้วถ้าไม่ให้ไทยใช้ของถูก ก็ต้องแพงขึ้น ค่าไฟฟ้าก็ย่อมจะแพงขึ้น หรือ จะเอาภาษีรัฐไปช่วย แล้วใครได้ประโยชน์ ครอบครัวกิจการชิ้นส่วน ? นึกถึงโครงการที่ธนาธรเคยเชียร์อย่าง hyperloop ก็เจ๊งไปแล้ว ผลิตรถไฟ ก็ไร้สาระ ทุกเมกกะโปรเจค กิจการชิ้นส่วนได้ประโยชน์หมดเลย ที่แท้ จะเป็นพรรคธุรกิจการเมืองรุ่นใหม่อีกหรือไม่ ?
3. แดงฟุบ : จากอุ๊งอิ๊ง 30.90% ใน Q1 เหลือเพียง 6.28% สำหรับ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ใน Q4 เพราะประชาชนหมดศรัทธา อยู่คนละข้างกับกองทัพไทยในสภาวะสงคราม
4. น้ำเงินแกว่ง : ขึ้น-ลง ในช่วง 10%-20% เพราะ เป็นพรรคที่เก่งเล่นกระแส เช่น แจกคนละครึ่งพลัส แต่พอเจอสถานการณ์จริง อย่างน้ำท่วมใต้ ผัดกับข้าวก็ช่วยไม่ได้ แต่ได้กระแสกลับมา เมื่อเกิดการปะทะกับกัมพูชา แต่การกลายเป็นศูนย์การค้าธุรกิจการเมือง จะทำให้ประชาชนวางใจได้อย่างไร ว่าจะไม่รอถอนทุน เหมือนพรรคการเมืองธุรกิจที่ผ่านๆมา ?
โพลเริ่มชี้ว่า ฟ้ารุ่ง-ส้มร่วง-แดงฟุบ-น้ำเงินแกว่ง เลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนจะเป็นผู้ชี้ว่าเราจะได้ผู้นำประเทศแบบใด ?
ไทยทน

