‘ธปท.’ เข้มคุมเงินไหลเข้าประเทศ บี้แบงก์ตรวจเอกสารยิบสกัดบาทแข็ง

‘แบงก์ชาติ’ ออกหนังสือเวียนคุมเงินไหลเข้าประเทศ บี้สถาบันการเงินตรวจสอบเอกสารการนำเงินตราต่างประเทศตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์ยิบ สั่งรายงานแหล่งที่มาของรายได้-วัตถุประสงค์ในการนำเงินเข้า สกัดบาทแข็ง

26 ธ.ค. 2568 – นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมออกหนังสือเวียนเรื่องการซักซ้อมวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับลูกค้า เพื่อขอให้ธนาคารพาณิชย์มีการตรวจสอบเอกสารการนำเงินเข้าประเทศสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ (Resident Corporate) ตั้งแต่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยต้องมีการรายงานและแสดงเอกสารแหล่งที่มาของรายได้ วัตถุประสงค์ในการนำเงินเข้า

กรณีเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวกับค่าทองคำ ให้เรียกเอกสารที่แสดงว่าลูกค้ามีการขายทองคำในต่างประเทศทุกจำนวนเป็นรายธุรกรรมในวันทำธุรกรรม เว้นแต่เป็นการทำธุรกรรมนอกเวลาทำการ ให้เรียกเอกสารดังกล่าวในวันทำการถัดไป รวมทั้งหใ้เรียกเอกสารเรียกเก็บเงินและเอกสารใบขนทองคำไม่เกิน 2 วันทำการนับจากวันครบกำหนดชำระเงิน ส่วนกรณีธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 15,000 ดอลลาร์ หรือเทียบเท่า ให้เรียกเอกสารที่แสดงเป็นการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2568 เป็นต้นไป

โดยมาตรการดังกล่าวจะเข้ามาควบคุมการไหลเข้าของเงินทุนอย่างเข้มงวดทันที เพราะมีความกังวลอย่างยิ่งว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่มีแรงกดดันต่อทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการไหลเข้าของค่าเงินมาจาก 2 ส่วน ได้แก่ การไหลเข้าของเงินทุน (Flow) และการเก็งกำไรในธุรกรรมทองคำ ซึ่ง 3-5 ช่วงในปีนี้ พบว่ามีการเก็งกำไรในธุรกรรมทองสูงถึง 40-50% โดยเฉพาะในช่วงเดือน ส.ค. 2568 ที่มีการเก็งกำไรสูงถึง 60% ของยอดขายดอลลาร์ทั้งหมดของประเทศ ซึ่งหลัก ๆ มาจากการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชันในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า

“ธปท. จะต้องมีการเข้าไปควบคุมธุรกรรมที่ส่งผลกระทบากมาถึงอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะการซื้อขายทองผ่านแอปพลิเคชันที่มีปริมาณมาก ๆ หลักหลายร้อยล้านบาท ผมมองว่าตรงนี้ถ้าไม่เข้ามาควบคุมไม่น่าจะใช่เรื่องที่ถูกต้อง ซึ่ง ธปท. พยายามทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง” นายวิทัย กล่าว

นอกจากนี้ ธปท. อยู่ระหว่างการประสานกับกระทรวงการคลัง ในการแก้ไขประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อให้เพิ่มอำนาจให้ ธปท. ในการกำกับดูแลธุรกรรมต้องสงสัยการซื้อขายทองคำ โดยเฉพาะร้านทองรายใหญ่และแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ และคาดว่าจะสามารถออกประกาศดังกล่าวได้ภายในช่วงสัปดาห์ที่ 3 เดือน ม.ค. 2569 เนื่องจากพบว่า ธุรกรรมการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ สูงถึง 80% ขณะที่การซื้อขายผ่านร้านทองปกติมีเพียง 15-20% เท่านั้น ตรงนี้เป็นอีกส่วนที่ทำให้ ธปท. อยากเข้าไปดูแล

อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดไม่เกี่ยวกับการซื้อขายทองตามตู้ทอง หรือการซื้อขายทองผ่านแอปพลิเคชันของรายย่อยแต่อย่างใด และมองว่าผู้ประกอบการที่มีการซื้อขายทองผ่านแอปพลิเคชัน 15 ราย และเป็นรายใหญ่ 5 ราย ถึงเวลาที่ต้องปรับตัว และต้องช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดการเก็งกำไรเกินควร และเพื่อไม่ให้สิ่งที่กระทบคนอื่นจากการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการในธุรกิจทองคำก็น่าจะยินดีที่จะต้องปรับตัว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง