
20 ม.ค.65 – กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เปิดเผยไทม์ไลน์หรือตารางเวลา การเตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในเด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี หรือ 11 ปี 11 เดือน 29 วัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เข็มที่ 2 ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป โดยมีตัวเลขนักเรียนที่อายุ 5-ไม่เกิน 12 ปี จำนวน 5.2 ล้านคน
ทั้งนี้ ตามตารางเวลา ของกระบวนการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 5 – ไม่เกิน 12 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 12-14 มกราคม ศธ.แจ้งสถานศึกษาจัดเตรียมรายชื่อและจำนวนนักเรียน(แยกรายจังหวัด/อำเภอ) โดยแบ่งเป็น ระดับอนุบาล อ.1 – อ.3 และระดับประถมศึกษา ป.1 – ป.6 จำแนกกลุ่มที่อายุเกิน 5 ปีขึ้นไปถึงอายุไม่เกิน 12 ปี (11 ปี 11 เดือน 29 วัน) ต่อมาให้สถานศึกษาสำรวจจัดทำบัญชีรายชื่อครูและบุคลากรแยกเป็นกลุ่มที่ยังต้องฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็มและกลุ่มที่ต้องการเข็มที่ 3 (Booster Dose) ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะ กำหนดแบบฟอร์มยินยอมฉีดวัคซีน และลักษณะข้อมูลที่ใช้ลงทะเบียนฉีดวัคซีน (เลข 13 หลัก /ชื่อ-นามสกุล /วันเดือนปีเกิด /โทรศัพท์)
วันที่ 12-17 มกราคม ศธ. และ สธ. จัดทำคลิป 3+3 นาที สื่อสารสาธารณะ สร้างความเข้าใจข้อดี-ข้อเสีย การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5 – ไม่เกิน 12 ปี มีนพ.อุดม คชินทร นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อเด็กแห่งประเทศไทย พญ. กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์เด็ก และ นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย เป็นผู้ให้ความรู้ และเผยแพร่ในสื่อต่างๆ
17-20 มกราคม สธ. ส่งแบบฟอร์มยินยอมฉีดวัคซีน และลักษณะข้อมูลที่ใช้ลงทะเบียนฉีดวัคซีน และ ศธ.นำส่งแก่สถานศึกษาต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ศธ. และ สธ. จัดประชุมออนไลน์กับสถานศึกษาในสังกัดซักซ้อมเตรียมการสื่อสารข้อมูลแก่ผู้ปกครองและชุมชน (1 – 3 ครั้ง)
17-24 มกราคม สถานศึกษาเริ่มจัดประชุมสื่อสารข้อมูลสร้างความเข้าใจร่วมกับผู้ปกครอง เพื่ออนุญาต/ยินยอมให้นักเรียนอายุ 5 – ไม่เกิน 12 ปี ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งนี้ให้สถานศึกษาจัดทำรายชื่อและจำนวนนักเรียนแล้วเสร็จ ต่อมาวันที่ 21-25 มกราคม สถานศึกษาจัดประชุมหารือเพื่อรับการแจ้งความประสงค์จากผู้ปกครองให้นักเรียนอายุ 5 – ไม่เกิน 12 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีน
25-26 มกราคม สถานศึกษานำส่งรายชื่อและจำนวนนักเรียนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนให้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา (สพป.) หรือ ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) และนำส่งบัญชีรายชื่อครูและบุคลากรที่ต้องการฉีดวัคซีนเพิ่ม
27-28 มกราคม ศธจ. ประชุมร่วม ผู้อำนวยการ สพป. และหน่วยงานการศึกษาอื่นในจังหวัดสอบทานสรุปข้อมูลนักเรียนอายุ 5 – ไม่เกิน
12 ปี ที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนแล้วนำรายชื่อส่งต่อสาธารณสุขจังหวัด(สธจ.)
29 มกราคม สธจ. ประชุมวางแผนการรับวัคซีนและกำหนดการกระจายจุดฉีดวัคซีนรายวันแต่ละพื้นที่ (School based) และวิธีการบันทึกข้อมูล
30-31 มกราคม สธจ.จัดประชุมร่วม ศธจ. ผู้อำนวยการ สพป. และผู้อำนวยการสถานศึกษาในจังหวัด แจ้งแผนกำหนดการฉีดวัคซีนให้นักเรียน (สถานที่และจำนวนรายวัน) และกำหนดการฉีดวัคซีนแก่ครูและบุคลากรส่วนที่เหลือ
1 กุมภาพันธ์ เริ่มการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้นักเรียนอายุ 5 – ไม่เกิน 12 ปี
26 กุมภาพันธ์ เริ่มการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้นักเรียนอายุ 5 – ไม่เกิน 12 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นพ.ธีระ' ชี้โควิดระลอกใหม่ๆ เด็กโตติดมากกว่าเด็กเล็ก!
หมอธีระเผยผลวิจัยโควิดเด็กทั่วโลก ชี้อัตราติดเชื้อกระโดดสูงโดยเฉพาะในระลอกใหม่ เด็กโตติดมากกว่าเด็กเล็ก วัคซีน mRNA ฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปีให้ผลดี
WHOเปิดตัวเลขสังเวยโควิด 2 เดือนดับแล้ว 1.7 แสนรายทั่วโลก!
หมอธีระยกตัวเลขเสียชีวิตโควิดจาก WHO ชี้ 2 เดือนที่ผ่านมาสังเวยแล้ว 170,000 คน เฉลี่ย 10,000-30,000 รายถือว่ายังน่าวิตก พร้อมแนะแนวทางตรวจการติดเชื้อด้วยตนเองล่าสุด
'ศ.นพ.ยง' ย้ำไทยจะไม่กลับมาปิดบ้านปิดเมืองอีกแล้ว
'หมอยง' เตรียมบรรยายออนไลน์เรื่องโควิด 19 ในปี 2023 และชีวิตปกติใหม่ ย้ำเราจะไม่ย้อนกลับมาปิดบ้านปิดเมืองอีกแล้ว
โควิดรายวันทั่วโลก ติดเชื้อเพิ่ม 1.6 แสนคน เสียชีวิต 678 คน
ทั่วโลกติดเพิ่ม 160,451 คน ตายเพิ่ม 678 คน รวมแล้วติดไป 672,993,312 คน เสียชีวิตรวม 6,743,006 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา
อัปเดตวัคซีน Bivalent ผลกระตุ้นภูมิดีกว่ารุ่นเก่า
'นพ.ธีระ' อัปเดตวัคซีน Bivalent ชี้มีงานวิจัยแล้วกว่า 10 ชิ้น ชัดเจนว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ BA.5 ได้ดีกว่าวัคซีนรุ่นเก่า โดยเฉพาะสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่น่ากังวลอย่าง XBB