'ติ๊ก ชีโร่' เป็นหนี้ 20 ล้าน รับวางแผนการเงินพลาด

อีกหนึ่งนักร้องนักดนตรีคนคุณภาพที่อยู่มาแล้วทุกยุคทุกสมัย ติ๊ก ชีโร่  ชีวิตสุดสตรองยิ่งกว่าแมวเก้าชีวิต ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ต้องล้มลุกคลุกคลานเจออุปสรรคมากมาย ล่าสุดย้อนเล่าอดีตแบบไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน ผ่านรายการโต๊ะหนูแหม่ม แชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ครั้งหนึ่ง เคยเจอชีวิตสุดดิ่ง ติดลบหมดเนื้อหมดตัวเป็นหนี้ 20 ล้านบาท

"หนักสุดคือช่วงต้มยำกุ้ง ชีวิตพลิกตอนนั้น ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ขายอุปกรณ์ทุกชนิด อย่างที่เคาะกระจก ที่วางแก้ว ทำเป็นธุรกิจใหญ่เลย แล้วก็ทำธุรกิจเครี่องดื่ม เรดี้ทูดริงค์ นำเข้ามาวางขายทุกผับเลย มาจากเยอรมัน เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับแชมเปญ สุดท้ายพังหมด มันเป็นช่วงต้มยำกุ้ง แล้วมีข่าวออกมา น่าจะมีคนรู้ ว่าจะต้องมีคนได้ประโยชน์มีคนเสียประโยชน์ บางคนเค้ามีพรายกระซิบมาบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ให้ซื้อดอลลาร์เก็บไว้นะ มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถเอาเงินไปซื้อดอลลาร์ พี่ไม่ทันได้เตรียมตัวมันวูบเลย เราไม่ได้ไปอยู่ในจุดที่ศูนย์มันกลายเป็นติดลบ ลงไปนรกชั้น20 ติดลบไปทั้งหมด 20 ล้าน จากที่เราอยู่ดีๆ

(รับมือยังไงให้ผ่านมาได้) เรียกว่าจ่ายตังค์ไปน้ำตาไหลเลย ตอนหลังก็เลยบอกกับภรรยาเรากลับไปอยู่เยอรมันกันดีกว่า ย้ายประเทศดีกว่า เพราะภรรยาเราอยู่ที่โน่น มีร้าน asia shop อยู่ที่โน่น กะว่าจะไปตั้งหลักใหม่ ที่นี้พอถึงจุดนึงเตรียมตัวแล้วว่าจะไปตั้งหลัก แต่เราคิดว่าเราเป็นอาร์ตติสท์ เป็นนักร้อง เป็นคนทำงานอยู่ในวงการบันเทิง วันนี้เราจะไปแล้วเหรอ ตัดสินใจใหม่เราเป็นหัวหน้าครอบครัว เราเติบใหญ่มาขนาดนี้ มีความอดทนมาขนาดนี้คิดว่าเรื่องแค่นี้เราจะอดทนมันไม่ได้เหรอ เลยตัดสินใจว่ายังไงเกิดที่นี่ก็ต้องตายที่นี้ สู้ที่นี้เปลี่ยนใจไม่ไป

เราตัดสินใจขายทุกอย่าง สากกระเบือยันเรือรบ เริ่มต้นใหม่หมด พวกตึกพวกสตูดิโอ ก็มีบางบริษัทมาเค้าซื้อมาขอเช่า มีอะไรก็ค่อยๆ ทยอยขายไป ทำงานหาเงินมาใช้หนี้ ทำอยู่แบบนี้มาตลอด ตอนนั้นต้องบอกว่าไม่มีโอกาสที่จะร้องเพลงเลย หันหน้าไปเป็นพิธีกรมากกว่า หลังจากวิกฤตนั้นไปเป็นพิธีกรอยู่ 10 ปี แล้วถึงเวลามีโอกาสกลับมาทำเพลง  เพลงแรกโบ๋เบ๋ เพลงที่สองคว้าน้ำเหลว  เพลงที่สามวินาศสันตะโร คิดว่าคงหมดแล้ว แต่อยู่ๆ เพลงรักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง มันก็ค่อยๆ มาเป็นลูกข่างพุ่งขึ้นเลย บึ้มไปเลย พี่เก้ง จีทีเอช ได้ยินเพลงนี้ก็ติดต่อมาให้มาแต่งเพลงหนังตั๊ดสู้ฟุด หลังจากนั้นเพลงนี้คนก็เริ่มพูดถึง มีคนเอาเพลงนี้ไปฟังกัน ถือเป็นเพลงที่กอบกู้ชีวิต ติ๊ก ชีโร่ ไม่ผิดเลย จนวันนึงพี่ป้อม อัสนี เค้าอยากร้องเพลงนี้ ก็เลยต่อรองกัน เพลงเลยยิ่งดัง เราคิดว่าเพลงนี้จะเป็นโอกาสให้กลับมายืนหน้าเวทีอีกครั้งหลังจากที่เราเจอวิกฤตเจอมา แล้วเพลงนี้ก็ทำให้เรากลับมายืนได้อีกครั้ง"