
เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ อดีตสมาชิกวง K-OTIC ที่กลายเป็นเสียงสำคัญเรื่องสุขภาพจิตและความเป็นตัวของตัวเอง เผชิญกับความเจ็บปวดในชีวิตรัก การหย่าร้าง และการเติบโตทางจิตใจ ที่ปัจจุบันเป็นนักจิตบำบัดเต็มเวลา พร้อมกับสร้างโปรเจค “จุดพักใจ” ที่เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้คนได้พูดคุยและปรึกษาปัญหาชีวิต โดยเจ้าตัวเปิดใจถึงเรื่องราวการหย่าร้างที่เจ็บปวดผ่านรายการ Prime Cast
“อดีตสามี คนงงเยอะมาก สรุปแต่งงานแล้ว หย่าแล้วเหรอหรืออะไร เพราะว่าสุดท้ายแล้วมีแฟนกี่คน หน้าคล้ายกันหมด คนที่เคยแต่งงานด้วยคบกันประมาณ 3 ปีแล้วก็ตัดสินใจแต่งงาน พอแต่งไปแล้วเราก็รู้สึกว่าดี อีกมุมหนึ่งอยากพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นว่าเราดีพอ แต่พอแต่งแล้วเราเริ่มไม่รักตัวเอง เป็นตัวเองน้อยลง เราเอาความรู้สึกทุกอย่างมาก่อนยกเว้นตัวเอง แล้วให้ตัวเองเล็กลงเพื่อที่จะมีค่าพอที่จะอยู่ตรงนั้น จำได้ว่าวันที่บอกเลิกทุกอย่างมันฉุกละหุกมาก ไม่ใช่การทะเลาะกันแต่เหมือนเป็นไฟเย็น นิ่ง ๆ รู้สึกว่าคนนี้ที่เราแต่งงานด้วย ไม่ใช่คนที่เรา say yes ด้วยที่เราเข้าพิธีแต่งงานด้วย ก็เลยบอกเขาว่าเลิกกันเถอะนะ ตอนนั้นสมองมันคิดเร็ว ถ้าเลิกกับแฟนเราต้องเอาอะไรออกจากบ้าน เพราะเราอยู่บ้านเช่าด้วยกัน ด้วยความแบบจริตกะเทย เราบอกว่าไอเลิกกับยูนะ หันไปหยิบมอยเจอไรเซอร์ 1 กระปุกไม่หยิบอย่างอื่นเลย แล้วก็เดินออกมา แล้วไม่เคยกลับไปบ้านอีกเลย กว่าจะเจอกันอีกก็ 4-6 เดือนที่กว่าเขาจะมาคุย
แผลมันสะสมมาเรื่อย ๆ คือเด็กทั้งคู่ แล้วกว่าจะมาตกตะกอนได้ทั้งคู่ว่าวันนั้นเราน่าจะคุยกันอีกแบบหนึ่งหรือว่าอะไรผิดไปก็ผ่านมา 1ปีแล้ว เราไม่ได้อยู่บ้าน อยู่ที่อังกฤษ ไม่มีคนที่จะพักพิงได้ขนาดนั้น วันที่หย่าเพิ่งเริ่มเรียนปริญญาเอกแล้วก็เป็นนักจิตบำบัดฝึกหัดด้วย แล้วแผนกที่ต้องไปฝึกงานแผนกจากลา การสูญเสียคนรัก เพราะฉะนั้นคนไข้ที่เข้ามาคุยกับเราจะคุยเรื่องความรัก ตอนนั้นก็นั่งเกร็ง ชีวิตเราผ่านมาเยอะ แต่การหย่ากับสามี เพิ่งเคยเข้าใจว่าเราตื่นมาทุกวันแล้วมีคำถามตัวเองว่าฝันหรือเรื่องจริง ชีวิตที่มีความสุขขนาดนั้น ทำไมเราถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ โทรไปหาคุณแม่บอกว่าตัดสินใจแล้วว่าจะหย่า ปกติคุณแม่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแม่พูดคำเดียวว่ากลับบ้านลูก เหมือนเราสามารถกู้ทุกร่างที่แหลกของเราขึ้นมา รู้สึกว่าชีวิตเฮงซวย ชีวิตยากแต่มีคนที่รักเราอยู่ที่บ้าน ลุยต่อไปได้จนถึงวันนี้
ทุกวันนี้ยังมีเรื่องอะไรที่คาใจอยู่ไหมเหรอ ไม่อยากถามเขา เพราะรู้สึกว่าในฐานะแฟน ในฐานะอดีตคนที่แต่งงานกัน เราทำหน้าที่สามีที่ดีที่สุดแล้ว แต่อยากกลับไปบอกตัวเองว่ารักคนอื่นรักได้ เป็นคนเชิดชูความรักมาก รักคนอื่นได้แต่ต้องไม่ลืมรักตัวเอง อยากกลับไปคุยกับตัวเองแล้วตบหลังว่าจะบ้าผู้ชายจะรักใครแต่อย่าลืมรักตัวเองด้วย ถ้าคนอื่นเขาให้ความรักเราได้ เขาก็เอาคืนไปได้เช่นกัน วันที่เขาไม่ได้อยากได้สิ่งที่เขาอยากได้ คล้าย ๆ เอาความรักที่เขาให้เราคืนไป แล้วเราก็จะพยายามหาอะไรไปแลกเพื่อได้ความรักนั้นคืนมา เรียกทฤษฎีนี้ว่า Self-love 30-70 ถ้าเราเป็นคนที่รักตัวเองได้แค่ 30% เราต้องหาอย่างอื่นมาถมให้รู้สึกเป็น 100% ต้องมีแฟน ต้องปังในโซเชียล แล้วจะรู้สึกคอมพลีท ถ้าเกิดเรารักตัวเองได้แบบ 100% หรือ 90% อะไรดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตนะมันคือ กำไรล้วน ๆ
เรื่องรักที่บางคนเจอความรักที่เป็นแพทเทิร์นคนเดิม ๆ จะก้าวผ่านยังไง เราชอบบอกว่าทำไมเราถึงดึงดูดแพทเทิร์นคนเดิม ๆ เราไม่ได้ดึงดูดเขา แต่วิ่งหาอะไรที่มาเติมเต็มเราที่รู้สึกว่ามาเป็นความรักให้เรารู้สึกคอมพลีทได้ ต้องมองมุมกลับ เราชอบโทษว่าแบบมีแต่คนแบบนี้เข้ามาหาเรา จริง ๆ คนเข้ามาหาหลายแบบแต่เราอาจจะเปิดประตูให้คนรูปแบบนี้
ความรักตอนนี้แฮปปี้มาก พอหย่า พอมีแฟนแล้วจะกลายเป็นออกซิเจนน่ะ Hopeless Romantic สุด ๆ เราเชิดชูมาก แต่กลายเป็นพอหย่ากับอดีตสามี เราทำงานกับตัวเองเยอะมาก กลายเป็นคนที่มีกำแพงสูงมาก ก่อนที่มาเจอแฟนคนปัจจุบัน ต่อให้มีคนที่ดีเข้ามาเราก็จะหาอะไรที่ไม่ดีจนเจอ เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่านสุดท้ายความรักมันก็ต้องไม่รอดอยู่ดี กลายเป็น 4 ปี ที่แบบกำแพงเราสูงมากเราปกป้องตัวเองจนกลายเป็นเราป้องกันตัวเองจากสิ่งดี ๆ ด้วยเราไม่ให้สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต จนมาเจอลุงแมทหรือแฟนปัจจุบัน ก็คือเข้ามาแบบงง ๆ ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ชื่อตั้มกับโดม คืนนั้นไม่อยากออกด้วยคิดในใจว่าอยากทำงานเหนื่อยอยากนอน ไหน ๆ ก็ออกมาแล้วเอ็นเตอร์เทนเพื่อนสาว เห็นเขายืนอยู่ เราไปชมเขาว่าตาสวย แล้วก็วิ่งหนีเขาไปอีกวันนึงก็ไปงานที่เชียงรายแล้วก็ผ่านวัดสีน้ำเงิน มีคนบอกว่าวัดนี้ศักดิ์สิทธิ์นะ ถ้าอยากขออะไรลองขอ เขื่อนเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ รู้สึกเฉย ๆ ก็พูดว่าถ้าเกิดแน่จริงก็ให้พี่เขามาจีบสิ พอหลังจากนั้นเขา dm มาไปกินข้าวกันไหม หลังจากวันนั้นที่ไปกินข้าวกัน ไม่เคยห่างกันอีกเลย ในอนาคตจะเป็นยังไงเราว่ากัน แต่ในวันนี้รู้สึกว่ามันดี รู้สึกว่าไม่ต้องพยายามมากกับความรัก
คนที่รู้ว่ามีแฟน Toxic แต่ออกมาไม่ได้ แนะนำเขายังไงเหรอ จะไม่บอกว่าให้เลิกเพราะถ้าเขาออกได้ ออกไปแล้ว คนที่มีแฟนท็อกซิก เขารู้ว่าแฟนเขาท็อกซิก แต่ตัวเขาออกไม่ได้ ก็จะอธิบายให้ฟังว่ากลไกของการมีแฟนท็อกซิกคืออะไร คนที่มีแฟนท็อกซิกเหมือนกับเราเสพติดอะไรบางอย่าง เพราะเวลาดีมันก็ดี มันดิ่งแบบติดลบ วันที่เขาดีกับเราเพราะเขาต้องการอะไรจากเรา เขาก็แค่พูดดีกับเราหน่อย ก็แค่ดูแลเราดีขึ้นมานิดหนึ่ง เราไปเสพติดเข้าใจว่าความรักที่ดีคือต้องขึ้นสุดลงสุดเลยออกไม่ได้ พอจะออกก็รู้สึกว่าแล้วถ้าออกไปจะมีคนให้เราได้แบบนี้อีกไหม คนที่เสพติดท็อกซิก พอไปนาน ๆ เราก็จะดึงดูดคนท็อกซิกเข้ามาเรื่อย ๆ พอเจอใครที่ Healthy จะรู้สึกว่าเขาไม่ได้รักเรา รู้สึกว่ามันน่าเบื่อ ทุกคนอยากถูกรัก อยากคู่ควรกับความรักดี ๆ แต่บางทีมันยังไม่โคจรมาให้เจอกัน เพราะฉะนั้นในวันที่เป็นคนที่ไม่ใช่ เราก็อย่าลืมรักตัวเอง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เขื่อน ภัทรดนัย' บอกลาคนไข้ที่อังกฤษ เตรียมทำงานจิตบำบัดที่ไทย
ไปเป็นนักจิตบำบัดอยู่ที่ประเทศอังกฤษอยู่ 2 ปี แต่ล่าสุด เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ หรือ เขื่อน K-OTIC ก็ได้ตัดสินใจบอกลาคนไข้ที่อังกฤษ พร้อมมาทำงานจิตบำบัดที่ประเทศไทยแทนแล้ว โดยเขื่อนได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงบนอินสตาแกรม พร้อมสัญญาจะเป็นนักจิตบำบัดให้ดีที่สุด
'เขื่อน' ตอบกลับเกรียนคีย์บอร์ด หลังโดนด่า "ตอแหลทั้งแม่ทั้งลูก"
เป็นคู่แม่-ลูกที่สนิทและน่ารักมากๆอีกคู่หนึ่ง สำหรับ เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ หรือ หมวยเขื่อน ที่หากใครเปิดอินสตาแกรมของเขื่อนก็มักจะเห็นคลิปที่เจ้าตัวทำกิจกรรมน่ารักๆกับคุณแม่เสมอ และยกให้คุณแม่เป็น "พื้นที่ปลอดภัย" ของตนเอง แต่ล่าสุดกลับมีขาวเน็ตคนหนึ่งเข้าไปคอมเมนต์ด่าเขื่อนและคุณแม่ว่า "ตอแหลทั้งแม่ทั้งลูก"
'เขื่อน ภัทรดนัย' ติดโควิด เผยตรวจ ATK ไม่เคยเจอ แต่ RT-PCR พบเชื้อ
คนบันเทิงติดโควิดอีกราย เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ โพสต์พบเชื้อโควิดหลังจากตรวจ RT-PCR แม้ก่อนหน้านี้จะตรวจ ATK ทุกครั้งก่อนทำงานและผลไม่พบเชื้อเลยสักครั้งก็ตาม




