'ทั่นโรม' ฝันสลาย ตั้งรัฐบาลของประชาชน กลายเป็น 'รัฐบาลลุง'

'ก้าวไกล' ฝันสลาย ตั้งรัฐบาลของประชาชน จนกลายเป็นรัฐบาลลุง หลัง 'พท.' จับมือ 'พปชร.-รทสช.' เชื่อประชาชนก็ผิดหวัง แต่ต้องมูฟออนไปข้างหน้า ลั่นยังไม่คุยตำแหน่ง 'หมออ๋อง'

18 ส.ค.2566 -ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์กรณีที่ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย(พท.)ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ว่า ยังไม่มีการประชุมภายในพรรคก้าวไกล หลังจากที่มีข่าวออกมาอย่างเป็นทางการ แต่คงมีการประชุมกัน อย่างไรก็ตามจุดยืนของพรรคก้าวไกลยังเหมือนเดิม คือ ไม่โหวตให้กับนายกฯ ในชื่อของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย หรือใครก็ตามหากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

"เรายืนยันไปหลายครั้งว่า ถ้ามีลุงไม่มีเรา มันก็จบ อย่างที่เราเคยได้หาเสียงเอาไว้กับประชาชน เป็นคำสัญญาที่ไม่สามารถลืมเลือนได้" นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า ที่พรรคก้าวไกลประกาศไม่ร่วมรัฐบาลข้ามขั้วจะถึงขั้นวอร์คเอ้าในการโหวตนายกฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังไม่มีการตัดสินใจในลักษณะนั้น เบื้องต้นคงทำหน้าที่ในกลไกปกติในวันที่ 22 ส.ค.แต่อย่างไรก็ตามคงมีการพูดคุยกันในพรรคอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่า ในการประชุมพรรคฯครั้งต่อไปจะมีการพูดคุยถึงตำแหน่งของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานสภา หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังไม่มีกำหนดวาระเรื่องดังกล่าวในการประชุมพรรค และตนไม่แน่ใจว่า เหตุใดถึงต้องคุยตำแหน่งรองประธานสภาฯ

ต่อข้อถามว่า มีการชั่งน้ำหนักตำแหน่งระหว่างผู้นำฝ่ายค้านและตำแหน่งรองประธานสภาที่ช่วยให้พรรคก้าวไกลทำงานได้อย่างสะดวกหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถึงที่สุดต้องมีรัฐบาลก่อน และเรื่องดังกล่าวใช้เวลานิดเดียวไม่ต้องใช้กระบวนการอะไรมาก ดังนั้น การตัดสินใจเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่สุด

เมื่อถามว่า ตอนนี้ความรู้สึกของ ส.ส. พรรคก.ก.เป็นอย่างไรบ้างในประเด็นมีลุงไม่มีเรา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเป็น ส.ส. ที่สัมผัสกับประชาชน และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า เราได้รับความรู้สึกจากประชาชนว่าผิดหวังค่อนข้างเยอะ

“สุดท้ายประเทศของเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราอยู่แบบเดิม เพิ่มเติมคือพรรคการเมืองที่น่าจะเป็นพันธมิตรกับเรา ยอมรับว่าไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ แต่สุดท้ายต้อง มูฟออนแล้วเดินต่อ และทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ตรงไปตรงมาให้ได้” นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่า ในอนาคตจะมีการทำงานกับพรรคเพื่อไทยต่อได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นเรื่องกระบวนการในสภา หากพูดถึงกฎหมายของพรรคก้าวไกลที่เสนอไปหลายฉบับนั้น เราเองก็ต้องขอเสียงจากทุกฝ่ายเหมือนจาก 4 ปีที่แล้วที่เราเป็นฝ่ายค้านซึ่งมีกันอยู่ 50 กว่าเสียง เราก็ต้องพยายาม หาเสียงจากทุกฝ่าย ทุกพรรคการเมืองซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ดังนั้นต้องว่ากันไปเป็นเรื่อง ๆ แต่เรื่องที่ว่าต้องเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนทุกคน

เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกรณีที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หากร่วมรัฐบาลกับ 2 ลุงนายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลคงไม่ต้องทำบทบาทนั้น เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย สำหรับพรรคก้าวไกล ตอนนี้ถ้ามีความชัดเจนว่าได้เป็นฝ่ายค้านจริง ก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่สุดท้าย ถ้านำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้จริง ๆ คงต้องไปดูอีกว่าจะทำอย่างไร

เมื่อถามว่า เสียง ส.ว. ส่วนใหญ่ไม่อยากโหวตให้นายเศรษฐาที่มีตำหนิตอนนี้ และมีการมองว่าอาจจะได้ลุงเป็นนายกฯ พรรคก้าวไกลมองถึงขั้นนั้นหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า “หวังว่าจะไม่ไปถึงจุดนั้น ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าวันที่ 14 พฤษภาคม เราฝันตั้งรัฐบาลประชาชน กลายเป็นรัฐบาลลุง คงเป็นเรื่องยากที่สังคมจะรับไหว”

เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์หลังการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะมีการชุมนุมหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากยังไม่รู้ว่าสุดท้ายรัฐบาลจะหน้าตาเป็นอย่างไร พรรคการเมืองไหนได้กระทรวงอะไรบ้างซึ่งต้องดูตรงนี้ด้วย